กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนเซอร์ไพร้ส์หนักมาก หลังล่าสุดนักร้องเสียงดี “แจ๊ค ธนพล” ออกมาเปิดเผยความลับว่าตนเองได้ซุ่มคบหาดูใจอยู่กับ “เอม รมิดา” นักร้องลูกทุ่งสาวค่ายเดียวกันอยู่ ทำเอาหลายคนเฮและดีใจตามหนักมาก ต่อมาสิ่งที่เซอร์ไพร้ส์หนักกว่า คือทั้งคู่กำลังจะแต่งงาน 28 ก.พ.นี้ ทำเอาหลายคนสงสัยทำไมถึงรีบแต่งนั้น

เซอร์ไพร้ส์มาก! “แจ๊ค ธนพล”เตรียมสละโสด 28 ก.พ.นี้ หลังเพิ่งเปิดตัวรักใหม่ได้ไม่นาน!

ล่าสุด แจ๊ค ธนพล ควงคู่แฟนสาว เอม รมิดา มาเปิดใจครั้งแรก หลังอวยพรวันเกิดหวานฉ่ำ เปิดตัวเป็นแฟนผ่านโซเชียล ขอย้อนเล่าเส้นทางความรักกับอุปสรรคอายุที่ทั้งคู่ห่างกันถึง 17 ปี และขอเคลียร์ชัดๆ เตรียมแต่งงานสายฟ้าแลบ วันที่ 28 ก.พ.นี้จริงหรือไม่ ซึ่งหลายคนได้ตั้งคำถามว่า ถ้ารีบแต่งแบบนี้ น้องเอมท้องหรือเปล่า งานนี้เคลียร์ทุกประเด็นตอบหมดเปลือก ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31

แจ๊ค ธนพล เผยว่า “28 ก.พ.นี้จะแต่งงานจริงครับ ตอนแรกตั้งใจจัดเงียบๆ จะเชิญแต่ผู้ใหญ่ และคนในครอบครัว แค่นี้ แขกคิดว่าไม่ถึงร้อย พี่น้องก็เยอะแล้ว ทั้งสองฝั่ง ซึ่งเรื่องนี้หลุดออกมาตอนวิดีโอคอลไปหาพี่ชาย เป็นเซียนพระ โทรฯ ไปเชิญเขาแหละ เพราะเราไม่ได้พิมพ์การ์ดไง เรากะเล็กๆ ก็ใช้โทรฯ เอา ซึ่งเราก็บอกเขาว่าวันที่ 28 มางานผมด้วยนะ เขาก็บอกว่าเหรอๆ ยินดีมากเลย ขอบคุณมากที่ให้เกียรตินะ แล้วเขาก็แคป เราไม่รู้หรอก แต่เรารู้ตอนไม่กี่นาที ลงเลย ลงทางเฟซบุ๊ก เขาแท็กพี่มา พี่ไม่รู้ด้วยตอนนั้น แต่คนอื่นเห็น น้อง (เอม) เห็นก็เลย (หัวเราะ) เฮ้ย พี่ พี่โจ๊กลงเฟซ เราก็อ้าว ตอนแรกคิดว่าเงียบๆ ตอนแรกใจเย็นว่าไม่เป็นไรหรอก เขาเป็นแค่เซียนพระ คงไม่มีใครรู้เยอะ รอฟังกระแสก่อน รอฟังข่าวก่อนว่าเป็นยังไง แล้วกระแสเป็นยังไง คือเราไม่ได้ฟังกระแสคนวิจารณ์นะ แต่ฟังว่ามันจะหลุดไปทางไหน สรุปแล้วก็หลุด (หัวเราะ) แต่คนก็ให้กำลังใจ ดีมากๆ เลย ถามว่าทำไมต้องเงียบ (หัวเราะ) ตอนแรกเรากะจะแต่งตามฤกษ์พอข่าวหลุดออกไป กระแสส่วนใหญ่แสดงความยินดี แต่จะมีคำถามมาเยอะมาก คำถามแรก เอ๊ะ เพิ่งเปิดตัวไป 30 ม.ค. นี่ ก.พ. ไม่กี่วันเอง จะแต่งแล้วเหรอ จะแต่งแล้ว มันเร็วไปมั้ย ไม่เร็วหรอก อันนี้คือแต่งตามฤกษ์ ยังไงเราก็แต่งอยู่แล้วแหละ ยังไงก็เป็นผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว จะช้าจะเร็วป๊าก็แต่งกับหนูอยู่ดี (หัวเราะ) ซึ่งเราคบกันเกือบปีแล้ว นานแล้ว

ก่อนหน้านี้ปิดหัวใจเหมือนกัน ถามว่าทำไมถึงมาเริ่มต้นความรักกับผู้หญิงคนนี้ ตอนแรกที่ติดต่อน้องเอมก็ให้น้องติดต่อ เพราะที่บ้านมีงานกฐินที่เมืองกาญจน์ ทำกฐินแล้วตอนเย็นจะมีงานเลี้ยงนิดๆ หน่อยๆ ร้องเพลงเล่นกัน ก็เลยให้น้องเบนซ์ (ลูกเสรี รุ่งสว่าง) หานักร้องผู้หญิงมา ถามเขาว่ามีมั้ยที่ร้องเพลงเพราะๆ หน่อย เขาก็ส่งรูปมา เออ เอาเลย ติดต่อเลย เบนซ์พี่อยากได้ว่ะ พี่อยากได้คนนี้ อยากได้มาร้องเพลง เสียงดีใช่มั้ย เบนซ์บอกดี เคยไปงานกับเขา เขาส่งมาให้เลือกทีละคน ถามว่าพี่ไม่ฟังเพลงเหรอ มองหน้าเป็นหลักเหรอ คือเบนซ์เขาฟังเพลงเป็น แต่ปีแรกเขาไม่ได้ไป เขาไม่ว่าง ปีที่สองติดต่อเอง ไดเรกต์เมสเสจทางเฟซบุ๊กไปหาเขา ก็คืออีกปีหนึ่งที่บ้านก็จัดอีก เราก็ต้องหานักร้องอยู่แล้ว นึกถึงน้องเขา ไดเรกต์ไปถามว่าน้องว่างมั้ย วันนี้ๆ มาร้องเพลงที่เมืองกาญจน์หน่อย ซึ่งรอบสองที่แอดไปเอง จากรูปก็แค่ชอบว่าหน้าตาเขาโอเค เขาก็หน้าตาคมๆ เราก็ชอบผู้หญิงแบบนั้น แต่ไม่ได้คิดว่าจะจีบ ซึ่งตอนที่น้องได้มาร้องเพลงในงาน เจอกันแล้วก็ อุ้ย ตรงปกเว้ย (หัวเราะ) แต่พี่ก็คุยกับทุกคน เพราะคนเยอะ เราก็เดินชนโน่นกินนี่กับแขก เทคแคร์แขก เขาก็ขึ้นไปร้องเพลง ทีนี้ได้ยินกับหู เฮ้ย ร้องเพลงดี เราได้ยินเสียงเขาร้องเพลงก็หันเลย ขนลุกมาก รีบไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วออกมาดูให้แน่ใจว่าใช่เปล่าวะ (หัวเราะ) ชอบคนเสียงเพราะ ส่วนขั้นต่อไปก็กลับ ก็ไม่ได้มีทีท่าอะไรเลย ถัดจากงานสองวันได้ ก็ค่อยๆ ทักไป ขอไลน์หน่อย เอาไว้คุยกัน พี่เล่นไลน์เยอะกว่า ข้ออ้าง แล้วพอน้องดักเราว่า ติดต่องานได้แต่ห้ามจีบนะ คือผมก็ตอบว่าโอเคไปก่อน แต่ในใจไม่โอเคอยู่แล้วแหละ (หัวเราะ) แล้วตอนที่เดทกันครั้งแรก ด้วยความกลัวคนจะเห็นเยอะ เราก็พาเขาไปอเมริกาเลย อเมริกาบางนานี่แหละ (หัวเราะ) มันใกล้บ้านเขา ไปกัน 4 คน เป็นคนฝั่งเรา ฝั่งเราก็รู้จักเขา เราบอกก่อนแล้วว่าจะพาไปด้วย ซึ่งเราก็คุยกันหลายเดือนกว่าจะเป็นแฟนกัน ถามว่าใครถามใครก่อนเรื่องสถานะ เป็นคนคุยหรือคนรู้ใจ หรือสถานะไหน มันรู้กันเองมากกว่า ไม่ต้องบอกหรอก

ซึ่งน้องเอมชอบทานผัก เป็นสายธรรมชาติ น้ำพริก ออร์แกนิก ตอนเจอครอบครัวเราก็ละเลงตามที่เราชอบ (หัวเราะ) แต่ก็มีของที่เขาชอบ เราก็กินน้ำพริกอะไรคล้ายๆ กัน ซึ่งมุมที่เราประทับใจน้องคือ น้องเป็นคนไม่ซับซ้อน เป็นคนที่ไว้ใจได้ เป็นคนที่เชื่อใจได้ เขานิ่ง วางตัวรู้กาลเทศะ ถามว่าทำไมถึงตัดสินใจพาไปเจอครอบครัว จริงๆ พี่เป็นคนช่างสังเกต คนไหนที่รู้สึกได้ว่ามันไว้ใจได้ เราสามารถพูดอะไรได้ทุกเรื่อง แชร์ได้ทุกเรื่อง เขารับเราได้ ซึ่งอยู่กับเอมคือเราเป็นตัวของตัวเอง บางทีเจอกันแป๊บเดียวแล้วอยากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า เราก็รู้สึกแบบนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลา จริงๆ ถ้าไม่ได้ จะ 10 ปีหรือกี่ปีก็ต้องแยก แล้วครอบครัวเราเขาชอบนะ เขาบอกน้องน่ารัก เอ็นดูน้องทุกคน พี่ป้าน้าอาก็เจอกัน เวลาไปงานก็เจอกัน เจอน้า เจอเพื่อนแม่ เขาก็จะชอบ เพื่อนฝูงก็ชอบ ส่วนตอนที่น้องเขาพาผมไปเจอครอบครัวเขาคือ เราเกร็งมาก เราไม่รู้ว่าเดินใกล้แค่นี้มันโอเคมั้ย ถูกตัวแล้วจะยังไง มันเกร็งไปหมด เกรงใจผู้ใหญ่ ส่วนหลายคนที่บอกว่าไม่เกินสองเดือนหรอก คนพูดเขาอาจไม่รู้ว่าเราคบกันมาเลยสองเดือนมาแล้ว (หัวเราะ) พี่ไม่อ่าน แต่ถึงอ่านก็ไม่มีผลกระทบ สุดท้ายเราก็อยากจะบอกกับเอมว่า ตั้งแต่คบกับเขา รู้สึกภูมิใจ และรู้สึกปลอดภัย ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิต (หอมแก้ม)”

เอม รมิดา เผยว่า “คือเราไม่ได้ตั้งใจจะปิดนะคะ แต่ว่าหนูบอกกับพี่แจ๊คเองว่าไม่อยากแต่งใหญ่ คิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าวันหนึ่งแต่งงานอยากจัดในครอบครัวอบอุ่นเล็กๆ เลยบอกพี่เขาไว้ว่าบอกแค่ผู้ใหญ่ที่เราเคารพจริงๆ ครอบครัวก็พอแล้ว ไม่ได้ต้องการงานยิ่งใหญ่เท่าไหร่ เปลืองเงินเปลืองทองด้วยอันนั้นก็ใช่ค่ะ ซึ่งหลายคนสงสัยว่าท้องก่อนแต่งมั้ย ตอบได้เลยว่าไม่ได้ท้องค่ะ ถามว่าทำไมต้องเป็นวันที่ 28 ก.พ. คือเอมมีคุณตาท่านหนึ่งที่เอมเคารพมากๆ ก่อนวันเกิดเอม เราได้มีโอกาสไปกราบท่าน พี่แจ๊คก็บอกว่าคุณตาดูฤกษ์ให้หน่อย ดูฤกษ์แต่งงานให้หน่อย ถัดจากนี้ไปมีฤกษ์มั้ย มีนะคะ แต่เป็นฤกษ์ที่ได้แค่ของผู้ชายอย่างเดียวหรือไม่ก็ได้แค่ของหนูอย่างเดียว มันไม่ค่อยดี มันไม่สมบูรณ์ ทีนี้มีแค่วันที่ 28 ก.พ. ที่คุณตาแจ้งมาว่าดีทั้งหนูและพี่แจ๊ค จริงๆ ตอนแรกเอมคุยกับพี่แจ๊คว่า มันเร็วไปมั้ยคะ หนูกลัวเราเตรียมตัวไม่ทันด้วย แต่พี่แจ๊คให้คำตอบเอมว่าจะช้าจะเร็วเขาก็เลือกที่จะแต่งอยู่ดี เราคบกันมาเกือบปีแล้วเราก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะปิด แค่ไม่ได้ลงโซเชียล เวลาเราอยู่ด้วยกัน ไปห้าง ซื้อของ ทานข้าว เราไปด้วยกันตลอด ไปงานร้องเพลงก็อยู่ด้วยกันตลอด

ซึ่งตอนที่พี่แจ๊คทักมาหางานร้องเพลง ถามว่าอ่านแล้วตอบเลยมั้ย ตอนแรกหนูบอกว่าหนูขอเช็กก่อนว่าว่างมั้ย แล้วมันก็โชคดีที่ว่างพอดี ซึ่งคิดว่าเขาอยากให้เราไปร้องเพลงหรือมาจีบเรา หนูก็คิดว่าเขาอยากให้ไปร้องเพลงค่ะ เพราะกับพี่เบนซ์หนูเคยร่วมงานกันตลอด เขาบอกตั้งแต่ครั้งแรกว่าไม่ว่างไม่เป็นไร เดี๋ยวรอบหน้าชวนใหม่ พอพี่แจ๊คแอดมาหาเอม ตอนแรกตกใจไม่คิดว่าเขาจะแอดมา คิดว่าพี่เสจะติดต่อเหมือนเดิม พอเขาถามมาเราก็เช็กวันให้เขา พอดีว่ามันว่าง ก็บอกว่าโอเคเดี๋ยวไป ซึ่งวันนั้นร้องเพลงแรกคือทวงรักฝากลมของคุณใบเฟิร์น เป็นแนวเพลงหวานๆ ค่ะ ซึ่งตอนที่พี่เขาทักมาขอไลน์ ก็ให้ไปเลยค่ะ (หัวเราะ) เขาบอกว่าเขาเล่นไลน์มากกว่า แต่ตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าจะจีบ เพราะวันงานเขาไม่ได้มีทีท่ามาเต๊าะมาอะไรเลย แค่นับถือว่าเขาเป็นพี่ศิลปินนะ และจ้างงานเรา ก็ให้ไลน์ไปแค่นั้น ซึ่งประโยคแรกเขาถามเอมว่าเป็นยังไงบ้าง งานวันนั้นแฮปปี้มั้ย เอมก็บอกว่าแฮปปี้ดีค่ะ สนุกมาก ขอบคุณนะคะที่ชวนไปร้อง ทีนี้เขาก็เริ่มคุย ถามโน่นนี่นั่น หนูร้องเพลงที่ไหน ยังไง เราก็พูดดักพี่แจ๊คไว้ หนูบอกเขาว่าห้ามจีบหนูนะ (หัวเราะ) ตอนนั้นคิดแค่ว่าเรายังไม่รู้เขามาทางไหน ไม่รู้มาจริงหรือมาเล่นๆ หนูเลยหยอดไปก่อนว่าอย่าจีบหนูนะ พิมพ์ไปในไลน์ ติดต่องานได้ ห้ามจีบนะคะ (หัวเราะ) เพราะนิสัยเอมไม่ชอบให้คนมาจีบตรงๆ ซึ่งเอมเป็นตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ถ้าเจอคนเดินเข้ามา หรือทักมาชอบจังเลย ขอจีบได้มั้ย เอมจะถอยทันทีเลยค่ะ รู้สึกว่ามันถูกจู่โจมเกินไป เขามุ่งเป้าเกินไป เอมจะชอบคนที่เหมือนคุยเรื่อยๆ ถามโน่นนี่นั่น ซึ่งเขาเป็นแบบนั้นเลย เขาไม่ได้จู่โจมจีบตั้งแต่แรก คุยถาม ร้องเพลงเป็นประจำมั้ย ร้องที่ไหน ซึ่งถ้าถามว่ารู้สึกตอนไหนว่าเขาจีบแน่ๆ คือจะมีอยู่ครั้งหนึ่งเอมไปงานแล้วถ่ายสตอรี่ลง แล้วเขาก็ตอบสตอรี่มาว่า น่ารักจังเลยค่ะ (หัวเราะ) เราก็เริ่มเอ๊ะ ตงิดๆ แล้ว ซึ่งเดทครั้งแรกคือมีคนฝั่งพี่เขาไปด้วย คือพี่เสเบนซ์นี่แหละค่ะ เอมก็บอกว่าชวนพี่ๆ มาด้วยนะจะได้สนุก ไปถึงก็เดินอยู่ในห้างเลย ทุกคนก็เห็น ถึงบอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะปิดตั้งแต่แรก เราก็สบายๆ ซึ่งเราก็คุยกันนานหลายเดือนเหมือนกัน กว่าจะตัดสินใจเป็นแฟน ซึ่งจุดที่ทำให้เปิดใจให้เขา คือ นิสัยเขาค่ะ หนูรู้สึกว่าเขาเป็นคนใส่ใจ มองภายนอกเหมือนเขาทะเล้นๆ แต่จริงๆ เขาอบอุ่นมาก ใส่ใจมาก อะไรที่เอมชอบ อาหารที่ชอบทาน บอกครั้งเดียวเขาจะจำได้เลย เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้หาได้ง่ายๆ คนที่พูดอะไรไปครั้งเดียวแล้วเขาจำได้ ซึ่งพี่แจ๊คพาไปเจอครอบครัวเลย เป็นงานทำบุญบ้าน พาไปเจอคุณพ่อคุณแม่เลย ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราเปิดใจ มันคือการให้เกียรติที่สุดแล้ว เพราะสำหรับเอมครอบครัวอันดับหนึ่ง ถ้าเมื่อไหร่ที่เขายินดีจะให้เราก้าวเข้าไปในครอบครัว อย่างน้อยเขาก็น่าจะจริงใจกับเราแล้ว ซึ่งเอมก็พาพี่เขาไปเจอครอบครัวเราด้วยเหมือนกัน หลังจากพี่แจ๊คพาไปเจอครอบครัวไม่นาน แต่จริงๆ แล้วได้มีโอกาสเจอคุณแม่ก่อนโดยบังเอิญ ไปงานกันแล้วคุณแม่ไปด้วย พี่แจ๊คก็ได้เจอคุณแม่ ตอนนั้นคุณแม่รู้คร่าวๆ แล้ว คุณแม่ชอบพี่เขาอยู่แล้ว บ้านหนูเป็นสายลูกทุ่ง ชอบฟังเพลงลูกทุ่ง ผลงานพี่เขาที่บ้านก็ติดตามมาตลอด พ่อแม่เขาเจอเขาก็ชอบ เอ็นดู ซึ่งพี่แจ๊คเข้ากับครอบครัวเราได้ดีมาก ถึงขั้นพ่อเรียกลูกชาย คุณพ่อเคยพูดกับหนูว่า ณ ตอนนี้เขาไม่ได้คิดว่าพี่แจ๊คเป็นแฟนลูกสาว เขาคิดว่าเป็นลูกชายคนโตของบ้าน หนูคิดว่าเขาน่าจะเห็นความสุขจากตัวหนู เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ จะเป็นคนที่หนูรักใครเขารักด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง คนรอบข้าง เขารักหมดค่ะ พอมาเห็นว่าตลอดเวลาที่อยู่กับพี่แจ๊ค หนูแฮปปี้ หนูมีความสุข หนูสดใส เขาก็คงรักตรงนี้แหละค่ะ

ซึ่งอายุเราทั้งคู่ห่างกัน 17 ปี ด้วยวัยที่ต่างกัน ช่วงแรกๆ ก็มีบางอย่างที่เขาคิดอีกอย่าง เราคิดอีกอย่าง แต่เราคุยกันทุกเรื่อง อะไรที่เราไม่เข้าใจก็บอกเขา อะไรที่เขาไม่เข้าใจเราก็บอกกัน ซึ่งพี่แจ๊คบอกเราว่ามีอะไรต้องพูดนะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันคิดเอง จริงๆ มันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ไม่เคยทะเลาะกันใหญ่โต ถ้าเป็นเรื่องขัดใจก็เรื่องกลับบ้านไม่ตรงเวลา อย่างหนูจะบอกว่าไปได้เลย แต่ขอไม่เกินเที่ยงคืน เที่ยงคืนกลับได้มั้ย เขาก็รับปากเรา พอเที่ยงคืนปุ๊บ หนูก็จะโทรฯ ไป กลับยังคะ เขาก็เนี่ยป๊ากำลังจะกลับแล้ว หนูก็ปล่อยเขานะ หนูก็วาง สักประมาณ 40 นาทีหรือชม.หนึ่ง เราก็ไปอาบน้ำของเรา พอชม.หนึ่งโทรฯ หาใหม่ ถึงไหนแล้วคะ ถึงบ้านหรือยัง เขาก็บอกว่ากำลังจะกลับแล้ว เขาใช้ประโยคนี้เลย เขาก็บอกอยู่บ้านเพื่อน ไม่ได้ไปไหนเลย พอครั้งที่สองก็บอกว่ากลับได้แล้ว เมื่อกี้บอกว่าจะกลับตั้งแต่ชม.ที่แล้วแล้ว เขาก็ค่ะๆ หนูก็วางไป สักประมาณครึ่งชม.โทรฯ ไป เมื่อไหร่จะถึงซะที เขาก็บอกว่ากำลังจะกลับแล้ว ใช้แต่ประโยคนี้ เราก็เริ่มหงุดหงิด มันหลายรอบแล้ว เราเป็นห่วงอุบัติเหตุ ซึ่งเขาก็บอกว่า ที่อยู่นานเพราะมันติดลม เราก็งอนเลย พอครั้งสุดท้ายโทรฯ หนูก็วางแล้วหลับ ไม่ติดต่อเลย ซึ่งเราก็โทรฯ กันทั้งคืน เขาจะมีวิธีง้อ พอตอนเช้าโทรฯ มา แล้วหนูไม่ได้รับ สักพักพี่โบว์ เป็นผู้จัดการ ฮัลโหลน้อง ทำอะไรอยู่ เขาให้ผู้จัดการง้อแทน ผู้จัดการก็บอกว่าเนี่ย เขาบอกว่าน้องไม่รับโทรศัพท์พี่เลย โทรฯ ไปง้อให้หน่อย ติดต่อให้หน่อย (หัวเราะ) พอเราได้ยินจากพี่โบว์ หนูก็ขำแล้ว เอ็นดูเขา ง้อเองไม่ได้ก็ให้คนอื่นมาช่วยง้อ

สำหรับเรื่องของเรา คนยินดีก็เยอะ แต่คนดูถูกคู่เราก็มีเหมือนกัน คำพูดที่เห็นแล้วจุกและเจ็บปวดมาก? คือไม่เกินสองเดือนหรอก (หัวเราะ) ซึ่งจริงเอมก็ไม่ได้รู้สึกค่ะ สำหรับหนูคิดว่าเราสองคนเข้มแข็งกันอยู่แล้ว ถ้าใครแนะนำหนูรับฟัง แต่ถ้าด้วยคอมเมนต์แบบนี้เรารู้อยู่แล้ว เขาไม่ได้อยู่รอบข้างเรา เขาไม่ได้รู้อะไร ก็อยากจะบอกคนคอมเมนต์แบบนี้ว่า ถ้าคิดว่าไม่เกินสองเดือนก็อยากให้ติดตามคู่เราไปนานๆ (หัวเราะ) และหนูอยากจะบอกความในใจกับพี่แจ๊คว่า หนูภูมิใจที่มีเขา และห่วงแค่เรื่องเดียวคือสุขภาพ อยากให้ดูแลสุขภาพ แค่นี้ค่ะ”