ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กสทช. ว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. มีการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งเลื่อนมาจาก วันที่ 14 ก.พ. เป็นการประชุมครั้งแรก หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตัดสินว่า น.ส.พิรงรอง รามสูต กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ มีความผิดฐานใช้อำนาจมิชอบ กลั่นแกล้ง บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ให้ได้รับความเสียหาย ลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ได้ประกันตัว เพื่อให้ไปต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ด ว่า ในการประชุมบอร์ดในวันนี้ ทาง น.ส.พิรงรอง รามสูต ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ในที่ประชุมไม่มีบอร์ดคนใดขอหยิบยกเรื่องคำตัดสินของศาลฯ มาหารือในที่ประชุม เกี่ยวกับเรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือการงดออกเสียง ในกรณีที่มีวาระที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของบริษัท ทรู ซึ่งถือเป็นคู่กรณีโดยตรง
ขณะที่ น.ส.พิรงรอง รามสูต กล่าวว่า ตนยังคงปฏิบัติหน้าที่ กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ ตามปกติต่อไป ในระหว่างต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ โดยคุณสมบัติของตน ไม่ได้ขัดกับมาตรา 7 และมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ส่วนในกรณีที่อาจมีการตั้งคำถามในกรณีที่ต้องพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับทรู อาจถือว่าเป็นคู่ขัดแย้งหรือไม่นั้น ขอให้ไปดูข้อกฎหมายเรื่องพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งตนก็ปฏิบัติตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคุณสมบัติ กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ