เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 68 มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก หมอเวร ได้ออกมาโพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับ “การผ่าตัดกระเพาะอาหาร” ที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ อีกทั้งยังแนะนำให้ควบคุมอาหารและออกกำลังพร้อมเผยเมืองนอกทำกันมาหลาย 10 ปีแล้ว เพียงแต่ว่าในไทยเพิ่งเริ่มนิยมรักษาคนไข้ด้วยวิธีนี้
โดย เพจหมอเวร ระบุข้อความว่า “วันก่อนเห็นชาวเน็ตคอมเมนต์ และแชร์กันเยอะมาก ว่าหมอที่ยอมผ่ากระเพาะอาหาร เพื่อลดน้ำหนักนั้น ส่วนใหญ่เป็นหมอที่ไร้จรรยาบรรณกันทั้งนั้น วันนี้จะขอมาดูเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะเพิ่มให้นิดหน่อย จะได้มีชุดข้อมูลติดตัวไว้บ้าง ก่อนไปเปิดวอร์ตามเพจนู้นเพจนี้”

“คนที่อ้วน หรือมีน้ำหนักตัวเยอะ หรือจะเรียกว่าตุ้ยนุ้ย จ้ำม่ำ เชื่อว่าร้อยละ 99 เคยผ่านการลดน้ำหนักกันมาแล้วทั้งนั้น สิ่งที่ทำได้ยากที่สุดรองจากการออกกำลังกาย ก็คือการคุมอาหารนี่แหละ ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ทำยากโคตร ถ้าทำได้ง่าย โลกนี้คงไม่มีเสื้อไซซ์ 3XL ขายกันแล้วจริงมั้ย ถ้าว่ากันตามตรง การลดน้ำหนัก ถ้าจะลดน้ำหนักได้ไวที่สุด 30% มาจากการออกกำลังกาย ส่วนอีก 70% ก็มาจากการคุมอาหาร ซึ่งเป็นตัวแปรหลักที่จะทำให้เราผอมได้ไวสุด”
“ซึ่งทางทางฝั่งบริษัท หรือกลุ่มเคมี ก็เน้นลดน้ำหนักด้วยอาหารเสริม ที่กินแล้วอิ่มทิพย์ อิ่มนานไม่หิว แต่ก็แลกมากับผลข้างเคียง เหมือนที่เรารู้กัน ส่วนฝั่งการแพทย์ก็พยายามหาวิธีรักษาโรคอ้วน จากการพยายามให้คนไข้กันมาหลากหลายวิธี อาจจะเริ่มตั้งแต่เลือกอาหารที่กินจากนักโภชนาการ ซึ่งกว่าจะเห็นผลส่วนใหญ่ คนไข้ก็มักทำกันไม่ค่อยสำเร็จอยู่ดี ไล่หาสาเหตุกันไปมาว่า ถ้ากระเพาะเรามันจุอาหารได้เยอะ พอกินเยอะแล้วเอาไปใช้ไม่หมด มันก็เลยอ้วน ถ้างั้นทำไมเราไม่ลองมาหาทางลดขนาดกระเพาะคนไข้ดู ถ้ามันเล็กลงเหลือสัก 10% จากที่เคยกินได้แบบเบิ้ม ๆ น้ำหนักตัวคนไข้ไม่ลดลงให้มันรู้ไปสิ”
“จากที่ได้คุยกับอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร ของโรงพยาบาลรามคำแหง Ramkhamhaeng Hospital แกก็บอกว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่อะไร เมืองนอกเค้าทำกันมาหลายสิบปีแล้ว เพียงแต่ว่าในไทยอาจจะเพิ่งเริ่มนิยมรักษาคนไข้ด้วยวิธีนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง แต่เขาไม่ได้ผ่าลดขนาดกระเพาะ เพื่อความงามนะ ขอขีดเส้นใต้แปดสิบห้าเส้นตรงนี้เลย ไม่มีหมอคนไหนยอมผ่าให้ ตามคำที่คนไข้รีเควส ว่าอยากผอมเพื่อสวยหล่อ หรือหุ่นสลิมดูดีหรอกนะ”
“จำไว้เลยว่าคีย์สำหรับของการผ่ากระเพาะนั้น หลักๆ เพื่อเน้นรักษาโรคอ้วนมากกว่า เพราะโรคอ้วนมันทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย รู้กันอยู่แล้วแหละว่า ยิ่งน้ำหนักตัวมากเท่าไร อัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรก็สูงขึ้น เป็นเงาตามตัวเท่านั้น เดี๋ยวตอนท้ายๆ จะมาเล่าอีกทีว่า หมอจะยอมผ่าให้ได้เนี่ย เขาต้องดูปัจจัยอะไรร่วมด้วยบ้าง ขอข้ามไปเล่าเรื่องขั้นตอนการผ่าก่อนนะ การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารเนี่ย ปัจจุบันเขามักนิยมกันก็จะมี 2 แบบ คือ การตัดกระเพาะให้เล็กลงเป็นท่อ (sleeve) อันนี้นิยมกันที่สุด หมอจะทำให้ความจุของกระเพาะอาหาร หลังผ่าตัดเหลือแค่ราว 100-150 ซีซี ถ้านึกไม่ออกว่าเล็กขนาดไหน ก็พอๆ กับแล็กตาซอย 5 บาทกล่อง 125 มิลลิลิตร (ซึ่งขนาดกระเพาะปกติผู้ชายจะอยู่แถว ๆ 1,000-1,500 cc นะ)”

“ส่วนการผ่าอีกแบบ คือ การบายพาส โดยจะตัดกระเพาะให้เล็กลง แล้วเอาไปต่อกับลำไส้เล็กส่วนปลาย นั่นหมายความว่า พอกินอาหารจะไปลงที่ลำไส้เล็กส่วนปลายทันที ไม่มาค้างอยู่ตรงกระเพาะเยอะ จากนั้นไหลลงลำไส้ใหญ่ แล้วก็ถ่ายออกมาเลย วิธีนี้จะช่วยลดการดูดซึมขั้นสุด น้ำหนักจะลงได้ไวกว่าวิธีผ่า Sleeve แต่ข้อเสีย คือ ร่างกายจะขาดวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ ที่มันจะดูดซึมตรงลำไส้เล็กส่วนต้น อันนี้ฟังก์ชันจะหายไป พอมันบายพาสมา ก็เลยต้องกินวิตามินเสริมตลอดชีวิตแทน (ซึ่งหมอก็จะแจ้งความเสี่ยงต่างๆ พวกนี้ให้คนไข้ทราบก่อนจะทำการผ่าแล้วทั้งนั้น)”
“กลับมาที่คำถามแรกสุด คือ แล้วถ้าอยากผอม ขอเดินไปขึ้นเขียงแล้วให้อาจารย์หมอผ่าเลยได้ไหม คำตอบคือ “มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นสิ” หมอจะต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ อีกเพียบ ทั้งค่า BMI ว่าเกินเกณฑ์ไปไหม แล้วต้องดู Metabolic Syndrome ว่ามีไขมันสะสมในช่องท้องมากขึ้นหรือเปล่า ร่วมกับการพิจารณาเรื่องโรคต่างๆ ที่กำลังเป็นอยู่อีกว่าอ้วนเพราะโรคอื่นๆ เช่น ภาวะไทรอยด์บกพร่องมั้ย หรือคนไข้อ้วนเพราะกินไม่ยั้งจริงๆ อันนี้หมอจะส่งตรวจร่างกายแบบชุดใหญ่ ไฟกะพริบแทบทุกแผนกเลย ทั้งหัวใจ ต่อมไร้ท่อ ทางเดินอาหาร หูคอจมูก หรือกระทั่งจิตเวช เพื่อดูว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลว”
“จะได้รู้ว่าสามารถเข้ารับการผ่าตัดไหวมั้ย หรือถ้ามีโรคอะไรที่สุ่มเสี่ยง ก็จะรักษากันให้เรียบร้อยก่อน เผื่อบางทีรักษาโรคบางโรคจบ ร่างกายกลับมาเผาผลาญได้เท่าเดิม ก็อาจทำให้น้ำหนักตัวลดลงมาเองได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดก็มี ฉะนั้น บางรายกว่าจะตรวจจนจบกระบวนการ กว่าจะได้ผ่าจริงรอกัน 5-6 เดือนก็มี แถมคุณหมอส่วนใหญ่จะบังคับให้คนไข้ลดน้ำหนักตัวเองให้ได้ ก่อนเริ่มผ่าลงสัก 10% เองด้วย เพื่อที่ว่าสมองและร่างกายจะได้ค่อย ๆ ปรับตัวกับการกินล่วงหน้าก่อน สุดท้ายถ้าคุณหมอยอมผ่าให้เราแล้ว ใช่ว่าจะผอมได้เลยชิวๆ”
“เจ็บตัวครั้งเดียวผอมทั้งชีวิตคุ้มจัด จะบอกว่ามันไม่ใช่เลย เพราะทั้งหมดที่เล่ามาจนถึงกระบวนการผ่าจบ มันก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะของจริงมันคือการใช้ชีวิตหลังจากนั้นต่างหาก เนื่องจากหลังผ่ามีข้อห้ามต่างๆ มากมาย เช่น ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินขนานใหญ่ จากที่เคยคดข้าวครึ่งหม้อ หลังผ่าแล้วแค่อาหารประมาณครึ่งถ้วย ซุปข้าวมันไก่ก็กินไม่ลงแล้ว ฉะนั้น ใครที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอ สมองสั่งให้กินแต่ร่างกายกินไม่ได้ ยังเสพติดการกินอยู่ ถ้าห้ามใจตัวเองไม่ได้ เดี๋ยวจะป่วยทางจิตใจกันต่ออีก ใครที่เคยแฝงตัวเองอยู่ในกลุ่มบุฟเฟ่ต์ล่ะก็ กด Leave Group ออกมาได้เลย”
“เพราะจากนี้ไป คุณจะไม่ได้สนุกกับการกินแน่นอน แต่สิ่งที่คุณจะได้รับ คือ สุขภาพที่ดีขึ้น เพราะเท่าที่มีการเก็บข้อมูลกันมา หลังผ่าแล้ว โรคเบาหวาน หรือไขมันในเลือด ดีขึ้นทุกคนเลย ส่วนคนที่เป็นความดันสูง ก็ดีขึ้นประมาณครึ่งหนึ่ง เพราะบางคนเขาเป็นมานาน จนหลอดเลือดแข็ง ความดันเลยไม่ลง ฟังแบบนี้แล้วก็ลองตัดสินใจดูละกัน เพราะการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร มันไม่ใช่ยาวิเศษที่จะสามารถจัดการเรื่องความอ้วนได้ 100% เพราะสุดท้ายถ้าพฤติกรรมคนไข้ยังกินดุอยู่ น้ำหนักตัวที่เคยลดวูบไป ก็สามารถเด้งขึ้นมาคืนได้บ้างนิดหน่อย”
“อย่าลืมว่ากระเพาะคนเรามันสามารถยืดขยายได้ด้วย (แม้จะผ่าให้เล็กลงแล้วก็ตาม) ฉะนั้น ปลายทางของการผ่าที่จะทำให้ได้ผล คนไข้เองก็ต้องร่วมมือด้วย ขืนผ่าไปแล้วยังดื่มน้ำหวาน ยังกินจุบจิบอยู่ อันนี้ยังไงน้ำหนักก็ไม่ลงหรอก แต่ถ้าเราสามารถปรับพฤติกรรมการกินให้พอดีได้ การผ่าตัดก็ไม่จำเป็นแน่นอน ดีอีกไม่ต้องเจ็บตัวด้วย แต่คนที่ผ่าแล้วให้คิดว่านี่คือไม้เรียว ที่บังคับให้เราต้องทำแบบนั้นไปตลอดชีวิตนั่นเอง”
อย่างไรก็ตาม “เอาเป็นว่าใครสนใจลองหาข้อมูลดูนะ เดี๋ยวนี้รพ. หลายๆ ที่ก็เริ่มให้การรักษาคนไข้โรคอ้วนด้วยวิธีผ่าตัดกระเพาะกันแล้ว รพ.รัฐบางแห่งก็ผ่าให้ฟรี รพ.เอกชนบางแห่งก็เบิกประกันสังคมได้ด้วย แต่คิวอาจจะเยอะหน่อยหนึ่ง แถมเริ่มชะลอคิวกันบ้างแล้ว เพราะมีผ่ากันเยอะมากขึ้น ส่วนใครที่รู้สึกรอคิวไม่ไหวอันนี้ ที่รพ.รามฯ ก็มีเหมือนกันนะ ลองคุยกับหมอดู รับรองว่าไม่ได้ผ่าง่ายเหมือนชาวเน็ตเลเวล 1 ที่ชอบกล่าวอ้างว่า หมอพวกนี้แค่มีตังค์ก็ผ่าให้หมดทุกคนแล้วแน่นอน”
ขอบคุณข้อมูล : หมอเวร