สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ว่า สงครามกลางเมืองซีเรีย ซึ่งปะทุขึ้นเมื่อปี 2554 จากการปราบปรามการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างโหดร้าย คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 500,000 ราย และทำให้ชาวซีเรียพลัดถิ่นอีกหลายล้านคน

กระทั่งกองกำลังกบฏของซีเรีย ดำเนินปฏิบัติการจู่โจมสายฟ้าแลบ เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว จนสามารถขับไล่อัสซาดได้สำเร็จ และพยายามทำให้ประชาคมโลกมั่นใจว่า พวกเขาละทิ้งความเป็นนักรบจีฮัด และจะเคารพสิทธิของชนกลุ่มน้อยในประเทศ

นายฟิลิปโป กรานดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระบุบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ “เอ็กซ์” ว่า นับตั้งแต่การล่มสลายของระบอบอัสซาด ยูเอ็นประมาณการว่า ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียประมาณ 280,000 คน และผู้คนที่พลัดถิ่นในประเทศมากกว่า 800,000 คน เดินทางกลับบ้านของพวกเขาแล้ว

“อย่างไรก็ตาม ความพยายามฟื้นฟูในช่วงแรก ต้องจริงจังและรวดเร็วกว่านี้ มิฉะนั้น ผู้คนจะอพยพออกไปอีก ซึ่งตอนนี้มันถือเป็นเรื่องเร่งด่วน” กรานดี กล่าวเพิ่มเติม

ในการประชุมที่กรุงปารีส เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ประเทศต่าง ๆ ประมาณ 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึงกลุ่มประเทศอาหรับ ตุรกี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี แคนาดา และญี่ปุ่น เห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกันเพื่อรับประกันว่า การเปลี่ยนผ่านอำนาจจะประสบความสำเร็จ ในกระบวนการที่นำโดยซีเรีย.

เครดิตภาพ : AFP