เมื่อวันที่ 18 ก.พ.เด็กชายวัย 10 ปีจากประเทศจีนเกิดอาเจียนและมีอาการอ่อนเพลียอย่างกะทันหัน จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอย่างเร่งด่วน ผลการตรวจพบว่ามีของเหลวสะสมจำนวนมากในเยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้เกิดปัญหาในการหายใจ ซึ่งหนูน้อยอยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วงและอันตราย  หลังจากแพทย์ได้มีการการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้หนูน้อยมีอาการเช่นนี้ คือเขาเคยรับประทานปูดิบเมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้เกิดพยาธิในปอดที่เข้าไปในหัวใจ

ตามรายงานของ Jimu News แพทย์ระบุว่า เด็กชายชื่อ จุนจุน (นามสมมติ) มาจากเมืองเอนซือ มณฑลหูเป่ย์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่เขาเกิดอาเจียนและมีอาการไม่ดีขึ้น แม่ของเขาจึงกังวลว่าอาจเป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร จึงรีบพาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอได้ทำการอัลตราซาวด์ช่องท้อง พบว่า จุนจุนมีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจสะสมอยู่ 300 มิลลิลิตร ซึ่งทำให้แพทย์รู้สึกตกใจ หากเกิดการอุดตันเฉียบพลันของเยื่อหุ้มหัวใจ อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ในระหว่างการตรวจรักษาในโรงพยาบาล แพทย์ได้มีการระบายน้ำออกจากเยื่อหุ้มหัวใจ มากกว่า 500 มิลลิลิตรต่อวัน

แพทย์ได้ตรวจสอบสาเหตุทั่วไปหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของของเหลวได้ จากนั้น ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากอู่ฮั่นถูกเรียกมาช่วยวิเคราะห์ ทุกอาการชี้ไปที่การติดเชื้อพยาธิ ผลการตรวจหาแอนติบอดีต่อพยาธิยืนยันว่าผู้ป่วยติดเชื้อ Paragonimus หรือพยาธิใบไม้ปอด

โดยทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด คุณหมอจางหยง ได้สอบถามประวัติการเจ็บป่วยเพิ่มเติม และแม่ของเด็กชายก็เกิดความเข้าใจขึ้นทันที โดยนึกถึงเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่กลับไปบ้านในชนบท เด็กเคยจับปูในน้ำลำธาร และถึงขั้นแกะขาปูมากินสดๆ น้ำลำธารในหมู่บ้านใสสะอาด เราเคยกินแบบนี้ตอนเด็กๆ ไม่คิดว่าจะมีปัญหา

ปัจจุบัน หลังจากการรักษาด้วยการขับพยาธิ อาการของจุนจุนได้ถูกควบคุมแล้ว หากสังเกตอาการอีกสักระยะ เขาก็จะสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้

ดร.จาง หยง ในทีมแพทย์ระบุว่า การติดเชื้อพยาธิใบไม้ปอดเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก และแพทย์จำเป็นต้องระมัดระวังเมื่อพบอาการผิดปกติ “พยาธิใบไม้ปอดเป็นปรสิตที่สามารถติดเชื้อในทั้งมนุษย์และสัตว์ โดยปกติจะพบในหอยทาก ปู และกุ้ง คนสามารถติดเชื้อได้หากรับประทานอาหารที่มีตัวอ่อนของพยาธิ เช่น ปูดิบหรือกุ้งดิบ หรือน้ำจากแหล่งธรรมชาติที่ปนเปื้อนตัวอ่อนของพยาธิ”

พยาธิใบไม้ปอดจะค่อยๆ เจริญเติบโตในร่างกายมนุษย์และแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ ส่วนใหญ่พบในปอด แต่ก็สามารถอาศัยอยู่ในส่วนอื่นๆ ได้ เช่น หากมันทะลุผนังลำไส้เข้าไปในช่องท้อง อาจทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ส่งผลให้เกิดน้ำในช่องท้องหรือทะลุลำไส้ หากมันลามไปถึงสมอง จะก่อให้เกิดอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาจนำไปสู่อาการรุนแรง เช่น อัมพาตบางส่วน สูญเสียการพูด ตาบอด หรือชักได้ เช่นเดียวกับกรณีของ เด็กชาย 10 ขวบรายนี้ ที่พยาธิแพร่กระจายไปยังเยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตในกรณีที่รุนแรง

แพทย์เตือนว่า  ผลิตภัณฑ์จากน้ำจืดหรืออาหารทะเล ต้องปรุงให้สุกก่อนรับประทาน ในชีวิตประจำวันควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่มาจากธรรมชาติโดยตรง และ ไม่ควรกินปูหรือลูกหอยสด ๆ และเนื้อสัตว์ต้องปรุงให้สุกทั่วถึงก่อนรับประทาน เพื่อลดอัตราการเกิดโรคจากปรสิตตั้งแต่ต้นเหตุ

ขอบคุณข้อมูลจาก https://news.seehua.com/post/1283962