จากกรณี นางน้ำผึ้ง นามศรี อายุ 54 ปี คุณป้าแม่บ้านบริษัทเอกชน รับจ้างทำงานให้ รพ.พิมลราช ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับเพจ “กล้าที่จะก้าว” หลังถูกพนักงานชายเวรเปลทำร้ายร่างกายด้วยการผลักให้ล้ม จนหัวฟาดพื้นบาดเจ็บที่ใบหน้าและศีรษะ ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุตกลงเยียวยาด้วยเงิน 5 หมื่นบาท แต่พอถึงเวลากลับไม่ยอมจ่ายเงินดังกล่าว อีกฝ่ายอ้างว่าไม่มีเงิน ต้นสังกัดยังไม่มีการสั่งพักงาน หรือลงโทษผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด พอไปแจ้งผู้บริหาร รพ. กลับได้รับคำตอบว่า เป็นเรื่องส่วนตัว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นพ.เอกวุฒิ ตั้งตรงไพโรจน์ ผอ.รพ.พิมลราช เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ตนรู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุทะเลาะวิวาทในสถานที่ราชการแบบนี้ เบื้องต้นได้สั่งลงโทษพนักงานเวรเปลด้วยการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรตามระเบียบราชการ พร้อมกับสั่งย้ายให้ไปทำหน้าที่แผนกอื่น ซึ่งเป็นแผนกที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้คน พร้อมกับติดตามดูพฤติกรรม ทางโรงพยาบาลไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ส่วนอาการของทางแม่บ้านที่ได้รับบาดเจ็บนั้น หลังเกิดเหตุทางโรงพยาบาลก็ดูแลรักษาอาการเป็นอย่างดี เพราะแม่บ้านรายนี้ก็เป็นคนไข้ของทางโรงพยาบาลอยู่ก่อนแล้ว ทางโรงพยาบาลได้ตรวจดูอาการในเบื้องต้น จากนั้นส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบางบัวทอง ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลพิมลราชเพื่อดูอาการจนกระทั่งหายดี

นพ.เอกวุฒิ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบถามข้อเท็จจริงทันที ซึ่งทางพนักงานเวรเปลชายรายนี้ก็ยอมรับว่า เขาเกิดบันดาลโทสะจากการโต้เถียงกับแม่บ้านจริง สาเหตุมาจากแม่บ้านจะเข้าไปทำความสะอาดในห้องฉุกเฉิน แต่สื่อสารกันไม่เข้าใจ จนกลายเป็นการโต้เถียงกัน ทำให้พนักงานเวรเปลบันดาลโทสะเข้าไปทำร้ายร่างกายด้วยการผลักแม่บ้านจนล้ม วันที่เรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบถาม ทางพนักงานเวรเปลก็ได้ทำการขอโทษแม่บ้านต่อหน้าตนไปแล้ว

นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า ทางพนักงานเวรเปลได้ไปเยี่ยมแม่บ้านพร้อมกับนำกระเช้าดอกไม้ไปขอโทษที่โรงพยาบาลด้วย ไม่ได้มีพฤติกรรมตามราวีหรือข่มขู่แต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาทางพนักงานเวรเปลรายนี้ก็ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกับใครในโรงพยาบาลมาก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดครั้งแรก ทางโรงพยาบาลจึงลงโทษด้วยการตักเตือนและย้ายตำแหน่งงานที่ทำ ไม่ใช่ว่าโรงพยาบาลไม่สั่งลงโทษหรือเข้าข้าง ส่วนเรื่องความคืบหน้าในคดีนั้น ทางโรงพยาบาลได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี โดยมอบภาพจากกล้องวงจรปิดตอนเกิดเหตุให้กับทางพนักงานสอบสวนไปแล้ว ขั้นตอนที่เหลือจึงเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย เพราะทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการตามขั้นตอนของโรงพยาบาลไปแล้ว.