กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาทันที เมื่อเพจ “หมอบ่น AggressiveDoctor” ที่มักจะมีการแชร์ความคิดเห็นหรือโพสต์เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในวงการแพทย์ ได้ออกแชร์โพสต์ของสาวรายหนึ่ง ที่เดือดแทนน้องสาวของเธอ หลังโดนญาติคนไข้ตบหน้า เพราะให้คำแนะนำว่าไม่ควรเอาเด็กเข้า และต่อมา พี่สาวของผู้ถูกกระทำได้โพสต์ระบุว่า “กรณีโดนญาติคนไข้ตบหน้า ขอทนายฝีมือเก่งๆ หน่อยค่ะ” และต่อมาเธอได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า “เหตุเกิดจากการให้คำแนะนำว่า ไม่ควรพาเด็กเข้ามา ภรรยาจึงออกไปบอกสามี ก่อนที่สามีจะเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์และตบเจ้าหน้าที่ มีกฎหมายที่หนักกว่านี้ และไม่สามารถยอมความได้ไหม? ขอทนายด่วน! ช่วยแชร์หน่อยค่ะ!”

ก่อนที่ต่อมา เพจ “หมอบ่น AggressiveDoctor” จะได้อัปเดตว่า  “ล่าสุด 17/2/68 at 15.25 ได้พูดคุยกับทางนิติกรโรงพยาบาลแล้ว ยืนยันว่ามีการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด” อีกทั้ง มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความในกลุ่ม “ปลวกแดง City” ระบุว่า “ได้ข่าวว่าพยาบาล โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ถูกทำร้ายร่างกาย (ถูกตบ 2 ครั้ง) จากญาติผู้ป่วย ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า เหตุไม่พอใจที่ถูกห้ามไม่ให้เอาเด็กเข้าเยี่ยมผู้ป่วย แต่ที่หนักกว่านั้น คือ ผู้บริหารสั่งให้พยาบาลคนนี้ยอมความ เท็จจริงยังไง รอฟังอยู่” ก่อนที่ต่อมาจะมีการแก้ไขข้อความเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ดำเนินคดีแล้ว

อีกทั้ง เพจเฟซบุ๊ก “ชมรมพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดระยอง” ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า “เหตุทำร้ายร่างกายตบหน้าพยาบาล ฝ่ายกฎหมายโรงพยาบาลระยอง ได้มอบคลิปหลักฐานถึงมือตำรวจแล้ว พบว่าตบไปถึงสองครั้งจนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ผู้ก่อเหตุกล่าวทิ้งท้ายว่าเป็นนัยยะว่า “พลาดที่ทำในเวลาทำการ” ส่วนกระแสข่าวว่าทางโรงพยาบาลไม่อยากให้ผู้เสียหายเอาความนั้น ไม่เป็นความจริง ทางผู้อำนวยการยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด”

ต่อมา ทางด้านผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ก็ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราว พร้อมระบุข้อความว่า “ขอบคุณทุกคนค่ะ  โรงพยาบาลเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พลังโซเซียล ทางครอบครัวขอไปต่อค่ะ ดำเนินคดีโดยนิติกรโรงพยาบาล และทางโรงพยาบาลก็ช่วยค่ะ ไม่ยอมความและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด”

อีกทั้ง พยาบาลสาวที่ถูกญาติผู้ป่วยตบหน้านั้น ก็ได้ออกมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่า “เหตุเกิดวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา เธอเข้าเวรบ่าย ซึ่งในเวลาประมาณ 18.00 น. เวรเธอไม่ยุ่งมาก แต่เคสใหม่ค่อนข้างยุ่ง จึงเข้าไปช่วยน้องพยาบาลเจ้าของเคส ทำการเจาะเลือดส่งตรวจ และเปลี่ยนชุดให้ผู้ป่วยหญิงมีอายุ ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ลูกสาวคนไข้พาลูกวัยประมาณ 5-6 ขวบ จะเข้ามาเยี่ยมอาการคุณยาย ซึ่งทางน้องพยาบาลเจ้าของเคสบอกกับเธอว่า ได้แจ้งญาติไปแล้วว่าไม่ให้นำเด็กเข้ามา และก่อนหน้านั้นก็มีพยาบาลอาวุโสแจ้งไปแล้ว เท่ากับว่ามีการแจ้งไปแล้วถึง 2 ครั้ง”

อีกทั้ง หลังจากเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนไข้เรียบร้อย ก็ได้ถอดชุดป้องกันเชื้อโรค ออกไปหาลูกสาวคนไข้ พร้อมบอกว่า “คนไข้อาการไม่ดี ติดเชื้อลงปอด เป็นขนาดนี้ญาติยังพาลูกมาอีกเหรอ ถ้าลูกติดเชื้อแล้วลงปอดไปด้วย ลูกอาการแย่ได้เลยนะ ญาติพร้อมจะสูญเสียทั้งสองมั้ย ถ้าติดแล้วอาการไม่ดี ถ้าไม่พร้อมจะสูญเสียใคร ก็ให้พาเด็กออกไป” ทางญาติก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป เธอยอมรับว่าพูดเสียงดัง จริงจัง แต่ไม่รู้ว่าญาติจะมองว่าเป็นการตะคอกหรือไม่

หลังจากนั้น เธอก็ไปให้การพยาบาลผู้ป่วยรายอื่นต่อ ซักพักก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามา ที่หน้าห้องผู้ป่วยรายดังกล่าว กำลังจะหยิบหน้ากาก N95 แต่พยาบาลเจ้าของเคสแจ้งว่า ญาติไม่สามารถเข้าห้องได้นะคะ แล้วชายคนนั้นก็เดินมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล ถามว่าใครเป็นคนพูดกับลูกเมียของเขา เธอจึงเข้าไปบอกว่า ญาติไม่สามารถเข้าบริเวณเคาน์เตอร์พยาบาลได้ ชายคนนั้นจึงเดินเข้ามาที่เธอ ถามย้ำว่าใครพูด พอตนตอบว่า “หนูค่ะ” เขาก็ตบเข้ามาที่หน้าบริเวณกกหูถึง 2 ครั้ง แล้วก็พูดว่า ถ้าพูดกับลูกเมียเขาดีก็ไม่โดนแบบนี้หรอก ก่อนจะเดินออกไป

อีกทั้ง พยาบาลอาวุโสจึงบอกให้ใจเย็นๆ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทางชายผู้ก่อเหตุก็บอกว่าให้ไปคุยข้างนอก พยาบาลอาวุโสจึงแจ้งหัวหน้าพยาบาลและแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มาที่เกิดเหตุ นำตัวเขาไป ส่วนตนก็ไปตรวจร่างกาย แล้วเดินทางเข้าแจ้งความ ให้ปากคำ หลังให้ปากคำแล้ว หัวหน้าตึกได้เข้าไปพูดกับผู้ก่อเหตุว่า ทำไมทำแบบนี้ สถานที่ราชการ พยาบาลกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ทางเขาจึงย้อนกลับมาว่า “ผมพลาดแค่ตรงนี้แหละ” ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ส่วนภรรยาผู้ก่อเหตุก็บอกว่าตนไปพูดไม่ดีกับเขา

นอกจากนี้ เธอยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด และได้นำหลักฐานเป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดส่งให้ตำรวจแล้ว ซึ่งจับภาพเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ส่วนที่มีข่าวว่าผู้บริหารให้ยอมความ เธอไม่ทราบว่ามีข้อมูลออกไปอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะตั้งแต่แรกที่เข้าไปพบ ผอ. และนิติกร ท่านก็ได้บอกให้แจ้งความดำเนินคดี พร้อมช่วยเหลือดูแล หัวหน้าพยาบาลก็ให้ลาพักไปก่อน จากนี้หากทางคู่กรณีจะติดต่อขอโทษ ก็ยังจะเดินหน้าดำเนินคดี เพราะตั้งแต่เกิดเหตุ จนไปให้ปากคำที่โรงพักเรียบร้อย เขาไม่ได้มีท่าทีที่รู้สึกผิดหรืออยากขอโทษเลย สีหน้าท่าทางเหมือนกับตอนที่ก่อเหตุ โดยเธอยอมรับว่ารู้สึกกลัว และยืนยันว่าที่พูดกับญาติคนไข้ไปนั้น พูดด้วยเจตนาดีจริงๆ ผู้ใหญ่ยังอาการหนักได้ขนาดนี้ แล้วเด็กที่ยังภูมิต้านทานน้อยจะเป็นอย่างไร

โดยล่าสุด ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่อ้างว่าเป็นภรรยาของชายที่ตบพยาบาล โพสต์ข้อความชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “ขออนุญาตเล่าจากอีกมุมของผู้ป่วยนะคะ ยาวนิดแต่อยากให้อ่านจนจบ ครอบครัวน้องมีกัน 6 คน พ่อ แม่ ลูก 3 คน และคุณยาย ลูก 6 ขวบ 2 คน 3 ขวบ 1 คน น้องทั้งสามคน ไปโรงเรียนและติดไข้หวัดสายพันธุ์ A กันมาแล้ว โดยคุณยายเป็นคนดูแลน้องเลยติดไข้มา เช้าวันเสาร์ คุณยายมีอาการไข้ พาไปหาหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ยากลับมากิน เช้าวันอาทิตย์ มีอาการช็อกหายใจไม่ออก เลยส่งโรงพยาบาลใกล้บ้าน โรงพยาบาลเลยส่งต่อมาโรงพยาบาลใหญ่ เพราะไวรัสลงปอดทั้งสองข้างแล้ว มันเร็วมากจนตั้งตัวไม่ติด”

“ช่วงบ่ายคุณหมอโทรฯ มาบอกว่าคุณแม่อาการหนัก ให้สแตนด์บายรอ รพ. ลูกสาวเลยโทรฯ บอกสามีให้มาอยู่ด้วย ก็ต้องเอาลูกมาด้วยอยู่แล้ว เพราะไม่มีคนเลี้ยง พอถึงเวลาเข้าเยี่ยม สามีก็เลยพาหลานรักยายเข้า 1 คน เผื่อถ้าคุณยายเห็นจะได้มีกำลังใจสู้ เจอพี่พยาบาลคนที่ 1 เขาก็พูดจาน่ารัก บอกเด็กเข้ามาอันตรายนะคะ พ่อเขาเลยบอกว่า ยายติดจากเด็กครับ เด็กเพิ่งหาย มาให้ยายเห็นหน้าหน่อยยายจะได้สู้ๆ พี่พยาบาลคนเดิมบอกว่าได้ๆ แต่คนไข้เช็ดตัวอยู่ ค่อยเข้ามาใหม่นะ ก็เดินออกไปจากห้อง”

“รอบใหม่ ลูกสาวบอกว่าเดี๋ยวพาน้องไปดูแม่เอง (เพราะสามีต้องเฝ้าลูกอีก 2 คนที่ต้องหอบมาด้วย) ลูกสาวก็พาน้องเข้าไป พยาบาลที่เช็ดตัวยายอยู่ เดินออกมาจากห้อง ปิดประตูดัง ดึงแมสก์ลงจากปาก ชักสีหน้าแล้วพูดเสียงดัง แบบตะคอก ว่าสูญเสียแม่อีกคนยังไม่พอ อยากจะสูญเสียลูกอีกคน ยอมรับได้ใช่ไหมพาเด็กออกไปเดี๋ยวนี้”

“ลูกสาวก็ตกใจ พูดแค่ว่า โอเคได้ค่ะ แล้วเดินออกไป ยังไม่ทันได้ดูแม่เลย พอออกไปข้างนอก ก็บอกสามีว่า เธอเข้าไปดูแม่คนเดียวเลย เดี๋ยวพาลูกลงไปรอข้างล่าง โดนพี่เขาว่ามา แล้วลูกก็เล่าพ่อเขาว่า ป๊าป๊า พยาบาลด่าหนู แล้วพี่เขาก็ไม่ขอโทษหนูเลย เขาตะคอกใส่หนู เมียเลยเล่า แล้วร้องไห้หนักมาก ไม่ได้ร้องเพราะโดนด่ามา แต่งงว่า สรุปแม่ตายแล้วเหรอ คือแม่จะไม่รอดเหรอ มันรวดเร็วไปหมด งงในความรู้สึกนั้นมาก”

“สามีเขาเลยโมโห แต่เข้าไปแล้วดูแม่ยาย ก็พยายามอดทนคำพูดที่ได้ยินมา แต่ไม่ไหวจริงๆ เลยถามเมื่อกี้ใครด่าลูกเมียผม และบันดาลโทสะ ตบที่หน้าไป 2 ครั้ง ก็สอนไปว่าเวลาพูดกับใคร ก็ให้รู้จักให้เกียรติคนไข้และญาติคนไข้บ้าง ทำร้ายความรู้สึกกันทำไม คุณเป็นพยาบาลไม่มีจรรยาบรรณบ้างเหรอ แล้วก็เดินมาบอกเมียว่า เดี๋ยวรอพบตำรวจ และก็ยอมรับกับตำรวจ ว่าทำจริงครับ ผมบันดาลโทสะไปจริงๆ ทางครอบครัวเราไม่ได้สนับสนุนความรุนแรง และยอมรับว่าทำจริงจากการบันดาลโทสะ และถ้าทางคู่กรณีจะดำเนินให้ถึงที่สุดก็ยินดีน้อมรับ”

ล่าสุด ทางโรงพยาบาลระยองได้ออกแถลงการณ์ กรณีเจ้าหน้าที่พยาบาลถูกทำร้ายร่างกายจากบุคคลภายนอก ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่พยาบาล ถูกทำร้ายร่างกายจากบุคคลภายนอกขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2568 เวลา 18.30 น. ณ โรงพยาบาลระยอง ได้ออกมาขอชี้แจงว่า โรงพยาบาลระยอง มิได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2568 ทางทีมผู้บริหารโรงพยาบาลได้ดำเนินการ หลังเกิดเหตุการณ์ทันที พาเจ้าหน้าที่พยาบาลพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายและดูแลอาการบาดเจ็บเบื้องต้น

อีกทั้ง มอบหมายให้หัวหน้าหอผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ ไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี และมอบทีมกฎหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง และให้ดำเนินการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ในการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุที่ใช้ความรุนแรง ขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ราชการ เพื่อดำเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของหน่วยบริการสาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ สร้างความเสียขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก โรงพยาบาลจึงได้สั่งการให้มีการทบทวน แนวทางการรักษาความปลอดภัยของบุคลากรในสังกัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงเช่นนี้อีก พร้อมทั้งช่วยเหลือเยียวยาเจ้าหน้าที่ และผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ โรงพยาบาลระยอง ในนามของคณะผู้บริหาร ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของบุคลากรทุกตำแหน่ง ภายใต้การยึดมั่นประโยชน์ของผู้รับบริการเป็นสำคัญ และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบและในทุกกรณี

แต่เรื่องราวนี้ยังคงเป็นกระแสร้อนแรง และดูว่าท่าจะไม่จบสิ้น เมื่อมีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีญาติคนไข้ตบพยาบาลสาว ชี้เป็นความผิดทางอาญา ซึ่งมีโทษหนักจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมแนะอย่าไปยอม ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
‘ทนายเกิดผล’ ชี้โทษหนักถึงจำคุก 3 ปี แนะเอาเรื่อง ‘มือตบพยาบาล’ ถึงที่สุด
ขอบคุณข้อมูล : รายการโหนกระแส หมอบ่น AggressiveDoctor ชมรมพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดระยอง และทนายเกิดผล แก้วเกิด
คลิกเพื่อชมคลิปวิดีโอ