เมื่อวันที่ 18 ก.พ. โรงพยาบาลระยองได้ออกแถลงการณ์ กรณีเจ้าหน้าที่พยาบาลถูกทำร้ายร่างกายจากบุคคลภายนอก ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่พยาบาลในสังกัดของโรงพยาบาลระยอง ถูกทำร้ายร่างกายจากบุคคลภายนอกขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2568 เวลา 18.30 น. ณ โรงพยาบาลระยอง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง นั้น
โรงพยาบาลระยอง จึงขอชี้แจงกรณีข้างต้นให้ทราบว่า โรงพยาบาลระยอง มิได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2568 ทางทีมผู้บริหารโรงพยาบาลได้ดำเนินการหลังเกิดเหตุการณ์ทันที พาเจ้าหน้าที่พยาบาลพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและดูแลอาการบาดเจ็บเบื้องต้น มอบหมายให้หัวหน้าหอผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี และมอบทีมกฎหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง และให้ดำเนินการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุที่ใช้ความรุนแรงขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ราชการเพื่อดำเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของหน่วยบริการสาธารณสุข

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ สร้างความเสียขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก โรงพยาบาลจึงได้สั่งการให้มีการทบทวนแนวทางการรักษาความปลอดภัยของบุคลากรในสังกัดเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงเช่นนี้อีก พร้อมทั้งช่วยเหลือเยียวยาเจ้าหน้าที่และผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ โรงพยาบาลระยอง ในนามของคณะผู้บริหาร ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของบุคลากรทุกตำแหน่ง ภายใต้การยึดมันประโยชน์ของผู้รับบริการเป็นสำคัญ และไม่สนับสนับสนุนการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบและในทุกกรณี
ด้าน นพ.ภูษิต ทรัพย์สมพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระยอง กล่าวว่า ได้มีการแจ้งความตั้งแต่เหตุเกิดวันแรกแล้ว ตนไม่ทราบว่าผู้ที่โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ระบุว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้ยอมความนั้น ไปนำข้อมูลนี้มาจากไหน เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริง จึงไม่รู้ว่าต้องการอะไรถึงโพสต์แบบนี้ เรื่องนี้สามารถสอบถามพยาบาลผู้รับผลกระทบได้เลยว่า เมื่อเกิดเหตุก็เข้าแจ้งความทันที ไม่มีการยอมความเด็ดขาด ประกอบกับทางกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบุคลากรมาก เมื่อเกิดเหตุขึ้น ไม่มีทางยอมความแน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดี ซึ่งยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะเป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งดูแลจิตใจพยาบาลรายดังกล่าว

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องมีมาตรการอะไรในเรื่องการเข้าเยี่ยมของญาติที่อาจก่อความรุนแรงหรือไม่ นพ.ภูษิต กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่ให้ญาติเยี่ยมอยู่แล้วที่ห้องไอซียู ซึ่งจะเปิดให้เยี่ยมเป็นช่วง มีช่วงเที่ยงกับเย็น แต่เคสนี้ห้ามยาก เพราะเข้าเยี่ยมช่วงที่เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมอยู่แล้ว เพียงแต่ด้วยอารมณ์ ความเป็นห่วงญาติ ทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ทั้งที่พยาบาลแจ้งเตือน เพราะเป็นห่วง ว่าการนำเด็กเข้าเยี่ยมอาจเกิดการติดเชื้อได้ เพราะผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ติดเชื้อปอด ซึ่งโรคระบบทางเดินหายใจ เป็นโรคที่ติดต่อแพร่สู่กันได้ เป็นความหวังดีของพยาบาลในการแจ้งเตือน
เมื่อถามว่ามีคนมองว่า อาจเพราะพยาบาลพูดจาไม่ดี ซึ่งแน่นอนว่าคนละประเด็นกับความรุนแรง แต่จะมีการกำชับเรื่องการสื่อสารหรือไม่ นพ.ภูษิต กล่าวว่า จริงๆ การรับรู้แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน อย่างญาติป่วยอยู่แล้ว ก็ย่อมมีการแปลความหมายทำให้หงุดหงิดได้ น้ำเสียงการสื่อสาร แม้เตือนด้วยความหวังดี ก็อาจไม่ถูกใจ แต่ความรุนแรงก็ไม่ควรเกิดขึ้น
“โรงพยาบาลเราดูแลรักษาคนไข้ ดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งคนไข้ และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ญาติ ผู้ใช้บริการ เราคำนึงความปลอดภัยทั้งหมด ดังนั้น บางอย่างอาจไม่สะดวกไปบ้าง ก็ขอความกรุณาเข้าใจ แต่เรื่องความรุนแรงก็ไม่ควรเกิดขึ้น” ผู้อำนวยโรงพยาบาลระยอง กล่าว.