เรื่องที่อาจเพิ่มอุณหภูมิทางการเมืองในสัปดาห์นี้ คือเกิดมีภาพและคลิปทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่ง ขึ้นไปร้องเพลงและแสดงสัญลักษณ์บางอย่างบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในดินแดนไทย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ แต่ทหารไทยไม่ยอม จึงมีการโต้เถียงกันและต่างฝ่ายต่างถ่ายคลิป

“บิ๊กกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กล่าวยืนยันว่า พื้นที่ปราสาทตาเมือนธมอยู่ในดินแดนของประเทศไทย แต่มีพื้นที่คาบเกี่ยวกับพื้นที่ที่ยังปักปันไม่แล้วเสร็จ ฝ่ายไทยอนุโลมให้กัมพูชาขึ้นมาสักการบูชาได้ แต่ต้องไม่แสดงออกสัญลักษณ์ใดๆ ทหารกัมพูชาขึ้นมาร้องเพลงชาติไม่ได้ มิฉะนั้น อนาคตจะเกิดปัญหาหากนำภาพถ่ายและคลิปไปกล่าวอ้าง ได้พูดคุยกับผู้บังคับบัญชาฝั่งกัมพูชาตามช่องทางคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไทย–กัมพูชา ซึ่งขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้วและกองกำลังสุรนารีได้ทำหนังสือประท้วงแล้ว

“บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ย้ำชัดว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย ถึงจะยังมีเส้นที่ยังแบ่งกันไม่ชัดเจน ก็ยังเป็นเรื่องค้างคาอยู่ เราเปิดให้ฝ่ายกัมพูชา ประชาชนขึ้นไปสักการะได้ปกติ แต่ไม่สบายใจกับการขึ้นไปร้องเพลงแสดงเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้ ผู้บัญชาการทหารที่เกี่ยวข้อง ก็ได้ทำเรื่องประท้วงไปแล้ว

ขณะนี้ “ทูตปู” มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ อยู่ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ตนจะประสานโทรฯ คุยเพื่อดำเนินการทางการทูตด้วย เราก็แสดงจุดยืนประท้วง เพื่อแสดงให้เห็นว่ามียังมีพื้นที่ 2 จุด ที่ยังไม่สามารถอ้างอิงได้ แม้ว่าจะปรากฏว่ามีภรรยานายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกัมพูชาไปอยู่ในบริเวณนั้นด้วย แต่เราก็ไม่อยากให้เป็นประเด็นความขัดแย้ง
เรื่องนี้จะลุกลามบานปลายหรือจบได้จากการประท้วง ก็ยังต้องรอดูกัน ซึ่งทุกคนก็คงไม่อยากให้เป็นประเด็นที่ตีความกันไม่จบระหว่างไทย-กัมพูชา แบบ MOU44 อีก

สำหรับเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ฝ่ายค้านเริ่มตีปี๊บส่งเสียงเขย่ารัฐบาลแล้วนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งอาจมีถึง 20 ประเด็น ไม่น่ามีปัญหา แต่เวลาต้องจำกัด ไม่ใช่จะให้อภิปราย 5 วัน ตามที่ขอ อย่างน้อยจะต้องมาคุยกันในวิป 3 ฝ่าย ทั้งวิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน และตัวแทนรัฐบาล เพื่อตกลงเวลากัน เราอยู่การเมืองมา 20 กว่าปี ก็ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่อภิปรายกัน 5 วัน 5 คืน ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาอย่างมากก็ 2 วัน และลงมติ วันที่ 3
“เชื่อว่า ที่จะอภิปรายคงไม่หนีไปจากกระทู้ที่ฝ่ายค้านเคยถาม เห็นแนวกันอยู่ ไม่ต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะข้อบังคับการประชุมชัดเจนว่า ไม่สามารถพูดถึงบุคคลภายนอกที่ไม่สามารถตอบโต้ในสภาได้ หากพาดพิงทำให้เสียหายก็รับผิดชอบตามกฎหมายเอาเอง”

สำหรับพรรค พปชร. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการวิชาการพรรค กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในส่วนของพรรค พปชร. ว่า จะมีเรื่องที่พรรคคัดค้าน คือ ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. และ MOU44 ระหว่างไทย-กัมพูชา

“สส.ใบพลู” รังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) บอกว่า ตอนนี้ยังไม่ขอบอกว่ารัฐมนตรีคนไหนจะถูกอภิปรายบ้าง เพราะยังมีรายชื่อที่ต้องใส่เพิ่ม เรามีพยานหลักฐานสำคัญ พร้อมยืนยันว่ามีความน่าเชื่อถืออย่างแน่นอน ต้องพูดถึงโทษทัณฑ์จากกรรมที่ได้ก่อไว้ ขั้นต่ำที่เราหวังผลคือการทำให้ประชาชนรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศของตนเอง ผลจากการอภิปรายจะสะเทือนไปถึงอนาคต
“หลังยื่นญัตติ (คาดว่า 27 ก.พ.) การอภิปรายจะเริ่มขึ้นหลังจากนั้น 15 วันตามความพร้อมของรัฐบาล (ถ้านับรวมวันหยุดราชการ 15 วันจะตรงกับวันที่ 14 มี.ค. แต่ถ้าไม่นับ จะตรงกับวันที่ 20 มี.ค.) ยืนยันว่าอภิปราย 5 วันไม่ได้เยอะ รัฐบาลไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ดีด้วยซ้ำรัฐบาลจะได้มีเวลาตอบมากขึ้น สไตล์พรรคเราไม่ได้เวิ่นเว้ออย่างแน่นอน”

จากที่มีอดีตพรรคก้าวไกลบางคนแสดงความไม่พอใจที่ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาเรื่องยื่นแก้ไข ป.อาญา ม.112 อาจขัดจริยธรรม และได้ออกมาโจมตี ป.ป.ช.ว่า ควรเคลียร์ตัวเองให้เกิดความชอบธรรมด้วย โดยพาดพิง นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. เรื่องนี้นายรังสิมันต์กล่าวถึง กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. พานายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ไปพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาถึงบ้าน ว่า ถ้ามีคลิปออกมาแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน ที่ประธานรัฐสภาซึ่งสามารถให้คุณให้โทษบางประการมาเจอกับ ป.ป.ช. เป็นเรื่องไม่ปกติ การตรวจสอบจะเกิดขึ้นอย่างไรขึ้นอยู่กับแต่ละฝ่ายที่มีอำนาจ แต่ในส่วนของฝ่ายค้านอยู่ระหว่างการพูดคุยกัน นายวันมูหะมัดนอร์ไม่ได้เป็นประธานสภาครั้งแรก ควรทราบว่าอะไรเป็นอะไร ควรพิจารณาด้วยตัวเองว่าจะทำอย่างไร

สำหรับเรื่องนโยบายรัฐบาลบางเรื่อง อาทิ กาสิโน หอสมุดรัฐสภาจัดเวทีเสวนา เรื่อง ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … กับบริบทสังคมไทย หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ฉบับที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา วาระที่ 1 เพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนผ่านเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. จนถึง 1 มี.ค. 68
“เอ๋” อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานที่ปรึกษาของ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า มีการกำหนดสัดส่วนระหว่างสถานบันเทิงครบวงจร 90% ขณะที่กาสิโน 10% แต่ยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะมีการเปิดเป็นจำนวนเท่าไร ภูมิภาคใด กำหนดให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) คือ กฎหมายลำดับรองที่ออกโดยฝ่ายบริหาร หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ คณะกรรมการกฤษฎีกาคงต้องการความเข้มข้น จากเดิมที่ออกเป็นมติบอร์ดสถานบันเทิงครบวงจร การไม่กำหนดจำนวน เท่ากับว่าให้ไลเซนส์ที่ไม่มีราคา แต่กลับทำให้เป็นปัญหาสังคม

จากกรณีที่นายกฯ มีความเห็นทบทวนนโยบายการขายแอลกอฮอล์ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะประชุมในวันที่ 21 ก.พ. นี้ มีวาระการพิจารณาเรื่องการยกเลิกมาตรการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟและสถานีรถไฟ และจะมีการพิจารณาเรื่องวัน เวลา ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว อาจารย์ประจำสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และนักวิจัยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเห็นประชาชนต่อแนวคิดเปิดให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟของรัฐบาล เมื่อเดือน ส.ค. 2567 จากกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้บริการรถไฟและสถานีรถไฟจำนวน 3,055 คน จาก 25 สถานีรถไฟจากทุกภูมิภาค พบว่า 77.2-84.2% ไม่เห็นด้วยกับการเปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟไม่ว่าจะเป็นการขายเฉพาะบางขบวน ขายเฉพาะช่วงเทศกาล หรือขายทุกช่วงเวลา

“เพราะกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย เสียงดังรบกวน/ความรำคาญ และความเสี่ยงในการถูกคุกคามทางเพศ เรายังพบว่า 86% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังจำเหตุการณ์คนเมาก่อเหตุข่มขืนแล้วฆ่าเด็กหญิงวัย 13 ปี บนขบวนรถไฟ แล้วโยนศพออกจากหน้าต่างรถไฟเพื่ออำพรางคดี เมื่อปี 2557 ได้ ซึ่งเหตุการณ์นั้นก็เป็นที่มาของการออกกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟและบริเวณสถานี” รศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ กล่าว
บางนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นนโยบายเข้าข่ายสีเทา ความโปร่งใสในการกำกับดูแลจึงสำคัญ
“ทีมข่าวการเมือง”