เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล มั่นศักดิ์ หรือเขียว แกนนำชาวนาใน 15 อำเภอของ จ.นครสวรรค์ ได้นัดรวมตัวกลุ่มชาวนา ประมาณ 1,200 คน ที่เดือดร้อนเรื่องราคาข้าวเปลือกตกต่ำ บริเวณหน้าวัดเขาจอมคีรีนาคพรต บนถนนสายเอเชีย ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เพื่อเรียกร้องให้ สส.นครสวรรค์ มารับหนังสือข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ พร้อมทั้งเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการแก้ปัญหาราคาข้าวของรัฐบาลต่อเนื่อง พร้อมทั้งประกาศระดมชาวนาภาคกลางนับพันคนเดินทางมาชุมนุม เพื่อให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

โดยหนังสือข้อเรียกร้องที่ทางแกนนำได้ส่งเสนอข้อเรียกร้องผ่าน สส.จังหวัดนครสวรรค์ มีเนื้อหาใจความว่า เนื่องด้วยชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ในความดูแลของท่าน ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมพื้นที่ทำนาข้าว กว่า 2,896,000 ไร่ ขณะนี้ชาวนากว่า 57,000 ครัวเรือนในจังหวัดนครสวรรค์ ประสบปัญหาราคาผลผลิตข้าวเปลือกตกต่ำต้นทุนการผลิตสูง เช่น ปุ๋ยเคมี สารเคมีเพื่อการเกษตร น้ำมันเพื่อการเกษตร ปัญหาเมล็ดพันธุ์ปนเปื้อน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นสวนทางกับราคาขายทำชาวนาได้รับผลตอบแทนในการทำนาไม่เพียงพอเพื่อการใช้จ่ายและการชำระหนี้กับ ธ.ก.ส. และเกิดผลกระทบในวงกว้างกับภาคเศรษฐกิจ ปัจจุบันราคาต้นทุนการผลิตข้าวต่อไร่ อยู่ที่ 6,000-7,000 บาท/ไร่ แต่ขณะนี้ ณ วันที่ 16 ก.พ. 2568 ชาวนาขายข้าวเปลือกได้เพียงตันละ 5,400- 6,500 บาทเท่านั้น จึงขอเรียกร้องให้ส่งเรื่องร้องทุกข์นี้ไปยังนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้ชาวนาอย่างเร่งด่วน

สำหรับกลุ่มตัวแทนชาวนาผู้ปลูกข้าวจังหวัดนครสวรรค์ได้เสนอข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ได้แก่ 1.จัดให้มีโครงการประกันรายได้ข้าวเปลือกเข้า ตันละ 12,000 บาท อย่างเป็นรูปธรรม 2.โครงการชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเพาะปลูกข้าว ไร่ละ 2,000 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ 3.มาตรการควบคุมราคาปัจจัยการผลิตด้านต่างๆ เช่น ปุ๋ยเคมี สารเคมีเพื่อการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการเกษตร และ แก้ไขปัญหาพันธุ์ข้าวปนเปื้อน 4.โครงการพักชำระหนี้เกษตรกร 2 ปี 5.ขอเสนอทางเลือกให้รัฐรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกจากชาวนา และให้ผู้ประกอบการค้าข้าวซื้อผลผลิตข้าวเปลือกจากรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวนาในจังหวัดนครสวรรค์และพี่น้องชาวนาทั่วประเทศ ซึ่งอยากให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน

ต่อมา นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย สส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 นครสวรรค์ นายมานพ ศรีผึ้ง สส.พรรคภูมิใจไทย เขต 3 นครสวรรค์ นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล สส.พรรคกล้าธรรม นายประสาท ตันประเสริฐ สส.พรรคชาติพัฒนา เขต 6 นครสวรรค์ และนายกฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี สส.พรรคประชาชน เขต 1 นครสวรรค์ เดินทางมารับหนังสือจากชาวนาประกาศจะนำเรื่องเสนอต่อรัฐบาลให้มาช่วยชาวนาต่อไป

ด้านนายทรงศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนฐานะตัวแทน สส.นครสวรรค์ ทุกพรรค รับหนังสือจากชาวนาแล้วจะนำเสนอรัฐบาลโดยด่วน เพื่อให้รัฐบาลทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาในเรื่องราคาข้าวตกต่ำ เพราะช่วงนี้ชาวนาเดือดร้อนมาก ราคาข้าวตกต่ำจริง ซึ่งทางรัฐบาลพร้อมจะแก้ปัญหาให้ชาวนา และทราบมาว่าในวันที่ 20 ก.พ. 68 นี้ ทางรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะเชิญหน่วยงานต่างๆ มาประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันจะได้เร่งแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวนา ซึ่งเรื่องนี้ในรัฐบาลหรือผู้แทนชาวนาทุกคน มีหน้าที่ดูแลความเดือดร้อนประชาชนจะไม่ยอมให้ประชาชนต้องมาตากแดดเรียกร้องเรื่องเหล่านี้ ตนจะเสนอให้รัฐบาลชดเชยราคาข้าวตันละ 2,000 บาท ไม่เกิน 35 ตันต่อราย เป็นหน้าที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหาให้ชาวนาอย่างเร่งด่วนต่อไป

ขณะที่ นางริน อายุ 53 ปี ชาวนา เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวนาเดือดร้อนราคาข้าวตกต่ำ ส่วนหนึ่งเพราะราคาปุ๋ย ราคายาฆ่าแมลงราคาสูงเพราะรัฐบาลเก็บภาษีแพง ชาวนาเดือดร้อนไปด้วยเพราะการทำนาสมัยนี้ต้องใส่ปุ๋ย ใส่ยา ราคาปุ๋ย ราคายาแพงเหลือเกิน ราคาข้าวตกต่ำ แต่ราคาปุ๋ย ยาแพง ราคาข้าวลดลงทุกวัน ต้นทุนตันละ 6 พันกว่า แต่ขายได้ 5 พันกว่าๆ หากใครเช่านาเดือดร้อนมาก เรามาเรียกร้องให้รัฐบาลเอาเรื่องความเดือดร้อนเป็นการแก้ปัญหาก่อน ไม่ใช่แก้เรื่องรัฐธรรมนูญ

“ชาวนาเลือกรัฐบาลแดงทั้งประเทศ แต่วันนี้ชาวนาเลือดแดงทั้งประเทศ ที่เดินทางมาวันนี้ เพราะรัฐบาลไม่เปิดใจกับชาวนาเลย” นางริน กล่าว

ล่าสุด พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เจรจากลุ่มชาวนา ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน พร้อมทั้งสั่งการให้ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรประชาชนที่ใช้เส้นทางขึ้น-ล่องภาคเหนือ ไม่ให้เดือดร้อนเด็ดขาด ซึ่งแกนนำชาวนาได้ยื่นหนังสือต่อตัวแทน สส.ในจังหวัดนครสวรรค์ จนได้ผลสรุปข้อเจรจรา โดยทางกลุ่ม สส.นครสวรรค์ รับปากว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการเสนอขอให้ช่วยเหลือชาวนาในเรื่องการชดเชยราคาข้าวให้มีราคาอยู่ที่ตันละ 9,000 บาท พร้อมกับจะออกมาตรการควบคุมราคาปุ๋ย ค่ายากำจัดศัตรูพืช ส่วนข้อเรื่องร้องอื่นๆ ของชาวนา จะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อหารือในการช่วยเหลือบรรเทาให้กับพี่น้องชาวนาต่อไป ซึ่งชาวนาต่างก็พอใจ จึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ แต่ก็ได้มีการทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า หากภายในวันที่ 21 ก.พ. ที่จะถึงนี้ ยังไม่มีการดำเนินการอะไรให้กระเตื้องหรือดีขึ้น จะมีการเดินทางมานัดรวมตัวกันอีกครั้ง ซึ่งคราวหน้าจะมากันให้มากกว่าเดิม และขู่ว่าอาจจะมีการปิดถนนบริเวณสี่แยกเดชาติวงศ์กันเลยทีเดียว.