สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงการเตรียมพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่ซาอุดีอาระเบีย ว่าจะเกิดขึ้น “ในอนาคตอันใกล้นี้” และเขาเชื่อมั่นว่า ปูตินมีความมุ่งมั่นที่จะยุติสงครามกับยูเครน พร้อมทั้งยืนยันว่า ในระหว่างนี้ ทีมงานของทั้งสองประเทศกำลังหารือกันอย่างเข้มข้นและสม่ำเสมอ


เมื่อมีการซักถามว่า คิดว่าปูตินต้องการยึดครองทั้งยูเครนหรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่า เป็นคำถามที่เขาต้องการคำตอบจากผู้นำรัสเซียเช่นกัน และหากอีกฝ่ายต้องการเดินหน้าเช่นนั้น เรื่องนี้คง “สร้างปัญหา” ให้กับสหรัฐ


ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐกล่าวถึงประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ว่า “ต้องการสันติภาพเช่นกัน” และ “ไม่กังวล” กับการที่เซเลนสกีกล่าวว่า รัสเซียอาจทำสงครามโดยตรงกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่กำลังอ่อนแอ เพราะสหรัฐจะยุติการมอบความสนับสนุน


ด้านนายมาร์โก รูบิโอ รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนของรัฐบาลวอชิงตัน พบหารือระดับเจ้าหน้าที่กับรัสเซีย ที่กรุงริยาด ว่าจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ทราบว่า รัสเซียจะส่งใครมาร่วมหารือ แต่ยืนยันว่า ประเด็นสำคัญจะเกี่ยวข้องกับยูเครน และการยุติสงครามครั้งนี้


ขณะที่ พล.ท.คีธ เคลลอกก์ ผู้แทนพิเศษด้านกิจการรัสเซียและยูเครนของสหรัฐ กล่าวระหว่างการเข้าร่วมการประชุมความมั่นคงมิวนิก (เอ็มเอสซี) ที่เมืองมิวนิกของเยอรมนี ว่าสหรัฐจะทำหน้าที่คนกลาง ในการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน


แม้ พล.ท.เคลลอกก์ กล่าวว่า “จะไม่มีผู้แทนของยุโรปร่วมโต๊ะการหารือ” แต่ยืนยันว่า ไม่ได้หมายความว่า “จะไม่มีการให้ความสำคัญ พิจารณา และพัฒนาผลประโยชน์ของยุโรป”


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป (อียู) และแทบทุกประเทศในยุโรป ยืนกรานไปในทางเดียวกัน ว่ายุโรปต้องได้ร่วมการเจรจา


อนึ่ง มีรายงานว่า สหรัฐส่ง “แบบสอบถาม” ให้แก่รัฐบาลของประเทศยุโรปหลายแห่ง โดยมี 6 คำถาม เกี่ยวกับการจัดการด้าน “หลักประกันความมั่นคง” ให้แกรัฐบาลเคียฟ หนึ่งในนั้นคือการถามอย่างเจาะจงว่า ประเทศแห่งนั้นพร้อมส่งทหารจำนวนเท่าใดเข้าไปในยูเครน.

เครดิตภาพ : AFP