เมื่อรัฐธรรมนูญยังไม่ได้แก้ เพราะสมาชิกรัฐสภาต้องการความชัดเจนว่า ต้องทำประชามติก่อนแก้ ม.256 เพิ่มหมวดว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ กระบวนการก็ชะงักไป ต้องรอให้ประธานรัฐสภานัดเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาญัตติยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อน งานสภาช่วงนี้จึงเปลี่ยนโฟกัสมาที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) บอกว่า พรรค ปชน.นิ่งแล้วในเรื่องการเตรียมผู้อภิปราย ได้ซักซ้อม รีวิว ตรวจสอบข้อมูลกันอยู่ เราเตรียม สส.อภิปรายประมาณ 20 คน จะไม่พูดเรื่องเก่าๆ เดิมๆ ซ้ำซาก ตามที่ฟากรัฐบาลออกมาพูดก่อนหน้านี้แน่นอน เราจะอภิปรายเฉพาะรัฐมนตรีที่อยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน

คาดว่าจะพูดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือเรื่องที่สังคมให้ความสนใจได้ในการอภิปราย 16 ก.พ.นี้ เป็นวันนัดส่งญัตติซักฟอกของแต่ละพรรคให้วิปฝ่ายค้าน ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานสภา ไม่เกินวันที่ 27 ก.พ.แน่นอน
ส่วนกรณี สส.และอดีต สส.พรรคก้าวไกล ได้รับหนังสือเรียกจาก ป.ป.ช. ไปรับทราบข้อกล่าวหา ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงฯ กรณีลงชื่อเสนอแก้กฎหมายอาญา ม.112 ไหม ศิริกัญญา บอกว่า ก็รู้สึกเหมือน “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภา คือสบายๆ เฉยๆ มากๆ มั่นใจว่า ไม่ได้ทำผิดตามที่ทาง ป.ป.ช.กล่าวหา การยื่นแก้กฎหมาย มันไม่มีทางเป็นการผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีป.ป.ช.ก็ยังคงเป็นชั้นเริ่มต้นมากๆ เพราะการสู้คดีต้องไปถึงชั้นศาล และ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช.เองก็น่าจะเตรียมสู้คดีของตัวเองเหมือนกันใช่หรือไม่ (กรณีถูก “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.กล่าวหา )

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปดิพัทธ์ โพสต์ข้อความใน X ว่า “ผมได้รับเอกสารให้ไปรับข้อกล่าวหาแล้วครับ ราวกับเป็นคนชั่วมาก ผิดร้ายแรงทีเดียว ถามว่ารู้สึกยังไง จะสู้ยังไง ชี้แจงไปตามเรื่องครับ ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่กลัว ไม่ขอความเมตตา ไม่ต้องอ้อมค้อม กฎหมายมีปัญหา ก็ต้องแก้ได้ด้วยกระบวนการนิติบัญญัติปกติ ก็เท่านั้นเองครับ”
“สส.ใบพลู” รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. ยอมรับว่า การได้รับหมายเรียกจาก ป.ป.ช. ทำให้เสียสมาธิ “การเสนอแก้กฎหมายเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ วันนี้คุณอ้างเรื่อง ม.112 วันหน้าคุณก็อ้างเรื่องอื่นมาทำลายพรรค ภารกิจเร่งด่วนของ ป.ป.ช.คือการเคลียร์ตัวเอง วันนี้ตัวเองยังเคลียร์ไม่ได้ และอาจจะมีความผิดต่างๆ นานา เกี่ยวเรื่องทุจริต แล้วจะมีความชอบธรรมอะไรมาทำหน้าที่ตรงนี้ โดยเฉพาะประธาน ป.ป.ช. ต้องสร้างความกระจ่างให้กับประชาชน ถ้าไม่ทำหน้าที่ตรงนี้ ก็ต้องสังวรว่าท่านกินภาษีของประชาชนอยู่ ต้องตอบคำถาม”

“ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไม ป.ป.ช.ต้องรีบขนาดนี้ ยอมรับว่าเสียสมาธิในการเตรียมอภิปราย เพราะต้องมานั่งคิดเรื่องคดีความ รวมถึงบางคนก็ต้องถอนตัวจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พวกเราต้องโฟกัสเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โฟกัสเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ และคดีความอีก มันก็กินพลังไปมากแล้ว แต่ถ้าตัวเลขฝ่ายค้านลดลงก็ยอมรับว่ามีผลต่อการตรวจสอบอย่างแน่นอน ยังไม่อยากประเมินว่าจะส่งผลไปถึงการเลือกตั้งปี 2570 หรือไม่”
สำหรับเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยก็ยืนยันจะต้องทำประชามติก่อน นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต่อไปเราจะต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ได้เรื่องทำประชามติกี่ครั้ง โดยเราอาจจะต้องหาคนยื่นญัตติอีกครั้ง จากนั้น จะหารือว่าจะดันญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. หรือใช้ญัตติของพรรคเพื่อไทยเอง ต้องรอให้ประธานรัฐสภานัดประชุมเลือกวันยื่นญัตติอีกครั้ง พรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นสิทธิของเขา

“ยอมรับว่า เสียงรัฐบาลไม่เป็นเอกภาพจริง เพราะมองและตีความคำวินิจฉัยไปคนละทาง บางคนก็กลัว เขาจึงไม่กล้าที่จะร่วมอภิปรายและลงมติด้วย แต่เมื่อเราคิดว่าจะใช้วิธียื่นตีความ เขาคงจะโล่ง ต่อไปจะได้เดินหน้าแบบไม่พะวักพะวง” นายสุทิน กล่าว ผู้สื่อข่าวถามกรณี “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แถลงเรียกร้องให้ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ยุบสภา เนื่องจากไม่สามารถคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลได้ นายสุทิน กล่าวว่า เหตุผลยังไม่ถึงระดับนั้น การจะยุบสภาก็ต่อเมื่อรัฐบาลกับสภามีความขัดแย้งจนไม่สามารถเดินหน้าได้ สภาต่อต้านรัฐบาล แต่นี่เรื่องอื่นเขาก็ร่วมมือกันเต็มที่ การจะนำเรื่องความเห็นต่างมาเรียกร้องให้ยุบสภายังเป็นเหตุผลที่อ่อนไป ยังเชื่อมโยงได้ไม่เนียนพอ คิดว่าเรื่องนี้ไม่กระทบภาพลักษณ์พรรคเพื่อไทย ไม่กระทบเสถียรภาพของรัฐบาล
ในวันที่ 17-18 ก.พ. “นายกฯ อิ๊งค์” จะจัด ครม.สัญจรภาคใต้ ที่พัทลุง–สงขลา “สส.สิงโต” ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า อยากให้ ครม. ผลักดันโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จ อาทิ 1.โครงการพุทธมณฑลสงขลา ที่เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2555 แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ 2.โครงการเติมทราย ชายหาดสมิหลา-หาดชลาทัศน์ ที่จัดสรรงบประมาณไว้ 269 ล้านบาท แต่มีความคืบหน้าของโครงการแค่ 10%

3.โครงการขยายโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงสงขลากับพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษหลักของประเทศ ช่วง อ.หาดใหญ่-อ.สะเดา ระยะทาง 46 กิโลเมตร ที่ได้ทำการศึกษาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้าง 4.โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกสงขลา ยังไร้ความชัดเจนในทิศทางดำเนินงานและงบประมาณสนับสนุน 5.โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่ ทั้งด้านตะวันตกและด้านตะวันออก) 4 ช่องจราจร ยังมีความคืบหน้าน้อยมาก 6.การยกระดับสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ขอให้ก่อสร้างขยายลานจอดอากาศยาน ให้สามารถรองรับอากาศยานเพิ่มเติม และขอให้ปรับปรุงและก่อสร้างอาคารคลังสินค้าใหม่และอาคารสนับสนุน ลานจอดรถ ศูนย์รักษาความปลอดภัย
ปิดท้ายกับ “นายกฯ อิ๊งค์” ออกรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ตอนพิเศษ ผ่านช่อง NBT เล่าเรื่องการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในโอกาส 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ถือว่าครั้งนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติจากประเทศจีนอย่างมาก เพราะตนได้พบกับผู้นำทั้ง 3 ระดับ ไม่ว่าจะเป็น สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรี และ จ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติ ภูมิใจมากเพราะว่าการที่จะได้พบทั้ง 3 ระดับในการเยือนหนึ่งครั้ง เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้ง

“ประธานาธิบดีจีนได้ชื่นชมประเทศไทย ที่จัดการเรื่องคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด และเห็นว่าควรตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ทีมเพื่อร่วมมือกันดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งทาง รมว.การต่างประเทศกำกับดูแลและพูดคุยในเรื่องการทำงานกับทั้ง 2 ทีมนี้อยู่ ในปัญหาเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ เราได้รับข้อห่วงใยมาว่า เราส่งออกสินค้าไปจีนล่าช้า เพราะผู้ประกอบการต้องเช็กคุณภาพสินค้า จึงได้พูดคุยกันว่าให้ไทยและจีนกำหนดมาตรฐานร่วมกันว่ามีข้อห่วงใยและเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เพื่อมาตรฐานจะได้เท่ากัน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะรับดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป”

“ท่านสี จิ้นผิงได้พูดขึ้นมาว่าท่านชอบทุเรียนหมอนทอง และชอบมะม่วงด้วย พอได้ยินท่านพูดอย่างนั้น เราคนไทยก็ดีใจ อีกทั้งยังพูดคุยกันถึงเรื่องของรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 และ 2 ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ถ้าเกิดขึ้นแล้วทั้งจีน ลาว ไทย 3 ประเทศ ก็จะสามารถส่งสินค้าระหว่างกันได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว จึงจะเร่งรัดเรื่องนี้ จีนให้ความสำคัญในเรื่องแลนด์บริดจ์ ได้มอบหมายให้คณะทำงานส่งผลการศึกษาไปให้ อาจจะชวนจีนมาลงทุน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทางจีนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน และขอข้อมูลเราเพิ่ม การมีแลนด์บริดจ์สามารถลดเวลาในการส่งของได้ 4 วัน เป็นการเพิ่มโอกาสในการส่งสินค้าต่างๆ ไปให้ต่างชาติได้ดีขึ้น เป็นการประหยัดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ 15% ผู้บริโภคซื้อของถูกลง”
อย่างไรก็ตาม คิดว่า สัปดาห์นี้คงตีเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจกันเยอะ เพราะสัปดาห์หน้ายื่นญัตติ.