ต้องยอมรับว่า ปฏิบัติการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้ กำลังเป็นไปด้วยความเข้มข้น เพราะขบวนการนี้เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายไปแล้วทั่วโลก หลายประเทศต้องร่วมมือกันเพื่อกำจัดออกไปให้สิ้นซาก
หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทาง เยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการและเข้าพบกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ก็ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยได้รับคำชมและพูดคุยความร่วมมือในการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากต้องยอมรับว่าประเทศจีน ก็มีนโยบายกำจัดจีนเทาออกนอกประเทศจึงได้ย้ายฐานที่มั่น มาอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน จนกลายเป็นศูนย์รวมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แต่ทว่าเพิ่งจะมาขยับ แม้ว่าคนไทยจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ก็ต้องโดนกดดันจากจีน โดยส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงของแห่งรัฐของจีนลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ดูพื้นที่ที่เป็นปัญหาของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนเกิดการตั้งคำถามของประชาชน ว่าหากรัฐมนตรีของจีนไม่ขยับลงพื้นที่และรัฐบาลไทยจะเดินหน้าทำอะไรหรือไม่
เหตุการณ์นี้ร้อนถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กรณีตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา และล่าสุด นายกรัฐมนตรีเรียกหน่วยงานความมั่นคงด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์ หลังจากที่เมืองเมียวดีขาดแคลนน้ำมัน 100% ทำให้เกิดการทะลักเข้าประเทศไทย โดยการนำรถยนต์เข้ามาเติมน้ำมัน จนทำให้ทางการไทย ต้องออกประกาศห้ามจำหน่ายน้ำมันใส่แกลลอนในพื้นที่ดังกล่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังที่นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานความมั่นคงเข้าหารือ โดยทุกเหล่าทัพได้รายงานความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ภายหลังที่เปิดปฏิบัติการ ซีลแนวชายแดน 51 อำเภอ ถือว่าปฏิบัติการที่ดำเนินการในช่วงต้นประสบความสำเร็จ โดยการกดดันในครั้งนี้ทำให้มีการเคลื่อนไหว ปิดสถานบันเทิง ที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่แน่ชัดว่าไทยต้องการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ให้ออกจากพื้นที่ และตอนนี้ชัดเจนแล้ว จะมีการแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง ถ้าดูตั้งแต่เริ่มคิกออฟมาตรการ มีกระบวนการหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา และเห็นได้ว่าไม่ได้หยุดนิ่งเลย ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่การจัดการปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องไฟฟ้า น้ำมัน แต่สิ่งที่เอื้ออำนวยต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังมีท่าข้าม ทั้ง 59 ท่า ซึ่ง จ.ตาก เป็นจังหวัดที่มีท่าข้ามมากที่สุดในประเทศไทย ที่ต้องให้ความสนใจเรื่องท่าข้าม เพราะเป็นจุดส่งผิดกฎหมายต่างๆ จำนวนมาก โดยวันที่ 16 – 17 ก.พ.นี้ กมธ.จะเชิญสมช. ลงพื้นที่ร่วมกัน เพื่อขอทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเปิดท่าข้ามเป็นอย่างไร และมีความตั้งใจที่จะเปิดยาวนานแค่ไหน แม้วันนี้เราเห็นประโยชน์ทางการค้า แต่ภัยร้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็มีอยู่
ต้องจับตาดูว่า ท้ายที่สุดรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาได้เบ็ดเสร็จ ถอนรากถอนคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และทุนเทา ได้หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงการแก้ผ้าเอาหน้ารอด แค่กดดันให้ย้ายฐาน ไปตั้งกองบัญชาการที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่หากรัฐบาลเดินหน้าปราบปรามสำเร็จ จะกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง กู้ศรัทธาของรัฐบาลจากประชาชนกลับมาได้ไม่มากก็น้อย