เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม. สั่งการ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.ศิษฏ์ พูลวงศ์ สว.กก.2 บก.ปคม. นำกำลังจับกุม นายเอ อายุ 32 ปี นายบี อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ค้าหรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กฯ” และจับกุม น.ส.ซี อายุ 35 ปี นายดี อายุ 43 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี, ร่วมกันบันทึกภาพหรือเสียงการกระทำชำเราเพื่อแสวงหาประโยชน์, ค้ามนุษย์ โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการเผยแพร่หรือผลิตสื่อลามกอนาจารเด็ก”
โดยจับกุม นายเอ ได้ที่บ้านพักภายใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และจับกุมนายบี ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ส่วน นายดี และ น.ส.ซี จับกุมตัวได้ที่บ้านพักภายในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์
สำหรับการจับกุมผู้ต้องหากลุ่มนี้ สืบเนื่องจากได้ตรวจพบกลุ่มลับแอปพลิเคชันไลน์ เผยแพร่คลิปลามกอนาจารเด็กในลักษณะการมีเพศสัมพันธ์ร่วมกันระหว่าง พ่อ, แม่ และลูกชายวัย 10 ขวบ ของครอบครัวหนึ่ง จำนวนกว่า 220 คลิป ก่อนเรียกเก็บเงินค่าสมัครสมาชิกสำหรับผู้ที่สนใจรับชม จึงเร่งดำเนินการตรวจสอบแกะรอยสืบหาเบาะแส ก่อนพบว่า เจ้าของกลุ่มลับดังกล่าวหรือบุคคลที่ปรากฏในคลิป ร่วมเพศกับบุตรชายแท้ๆ ของตนเอง คือ นายดี กับ น.ส.ซี จึงนำกำลังเข้าจับกุม
ก่อนขยายผลต่อเนื่อง ตามจับกุมเจ้าของกลุ่มลับอื่นๆ อีก 2 กลุ่ม คือ นายเอ และนายบี หลังพบทั้งสองว่ามีการนำคลิปการร่วมเพศของ 3 พ่อแม่ลูกครอบครัวดังกล่าว ไปเผยแพร่ต่อ เพื่อเรียกเก็บเงินค่าสมาชิกเช่นเดียวกัน

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การรับสารภาพ โดยนายเอ รับว่าได้ซื้อคลิปดังกล่าวมาจากนายบี ในราคา 1,000 บาท แล้วนำมาเผยแพร่ในกลุ่มลับของตนเอง เพื่อเรียกเก็บเงินค่าสมาชิก คนละ 500 บาท มีรายได้จากการเปิดรับสมัครสมาชิก รวมกว่า 3 แสนบาท
ส่วน นายบี ให้การรับสารภาพว่า ได้นำคลิปดังกล่าวมาจากกลุ่มลับของ นายดี และ น.ส.ซี ก่อนนำมาเผยแพร่ต่อลงในกลุ่มลับของตนเอง หรือนำไปขายต่อให้กับบุคคลอื่น
ขณะที่ น.ส.ซ๊ ให้การรับสารภาพว่า ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง จึงผันตัวมาเป็นเซ็กซ์ครีเอเตอร์ โดยนำบุตรชายวัย 10 ขวบ มาถ่ายคลิปร่วมเพศ แล้วนำไปโพสต์ขายในกลุ่มลับเพื่อหารายได้จริง โดยทำเช่นนี้มานานนับปี
มีเพียง นายดี ผู้เป็นสามี ที่ยังคงยืนกรานปฏิเสธ โดยรับเพียงว่า คลิปวิดีโอร่วมเพศพ่อแม่ลูก เป็นการถ่ายเก็บไว้เพื่อดูเล่น เนื่องจากเป็นความชอบส่วนตน แต่ไม่เคยนำคลิปไปแสวงหาประโยชน์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายดี และ น.ส.ซี พบมีเงินโอนเข้าบัญชีครั้งละ 500 บาท จำนวนหลายครั้ง ต่อเดือนรวมเป็นเงินจำนวนหลายหมื่นบาท ซึ่งยอดเงินที่โอนเข้ามาครั้งละ 500 บาท ดังกล่าว ยังสอดคล้องกับตัวเลขยอดเงินค่าสมัครสมาชิกกลุ่มลับ ที่นายดี และ น.ส.ซี เรียกเก็บจากผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมกลุ่มอีกด้วย
เบื้องต้นจึงนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.