เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยมีมติไม่เข้าร่วมการประชุมร่วมรัฐสภา ในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ในฐานะที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล คิดว่าไม่มีผลอะไร เพราะแต่ละพรรคมีการพูดคุยกันในวิปรัฐบาลอยู่แล้ว และที่เสนอก็เป็นการเสนอในนามของแต่ละพรรค สำหรับพรรคเพื่อไทยมีนโยบายในเรื่องนี้ชัดเจนเพราะหาเสียงมา บอกกับประชาชนแล้วว่าเราจะมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ เราเคยทำมาแล้วเราก็ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าเรื่องนี้ โดยที่เราจะทำการแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 256 เพื่อนำไปสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยยกเว้นหมวด 1 หมวด 2 เพราะฉะนั้นเรื่องนี้การเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภา เป็นหน้าที่และเป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทย
นายสมคิด กล่าวว่า ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ นั้นในที่ประชุมวิป ได้มีการพูดคุยกันชัดเจนว่า ให้แต่ละพรรคไปตัดสินใจกันเอง เป็นเอกสิทธิ์ ยืนยันว่าแม้พรรคภูมิใจไทยจะไม่เข้าร่วมการประชุมร่วมสภาก็ไม่มีผลกระทบ รัฐสภาสามารถประชุมต่อไปได้ เนื่องจากฝ่ายค้านก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึง สว.บางส่วนก็เห็นด้วย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในการที่พรรคภูมิใจไทยไม่เข้าร่วมประชุม
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่กังวลใช่หรือไม่ ว่าจะขัดต่อศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นว่าจะต้องทำประชามติก่อน นายสมคิด กล่าวว่า ไม่กังวล เรื่องนี้หากเราจะถามศาลรัฐธรรมนูญอีกก็แล้วแต่สมาชิก แต่ส่วนตัวเห็นว่า การที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยผลก็จะออกมาคล้ายๆ เดิม เลยบอกว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยบอกว่าเป็นหน้าที่ของรัฐสภา ศาลไม่ได้บอกว่าลงมาตีได้หรือไม่ได้เพียงแต่บอกว่าเป็นหน้าที่ของรัฐสภา เรื่องนี้อยู่ที่สมาชิกต่างหากที่ไม่ตัดสินใจ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอีก
นายสมคิด กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะมี 2 แนวทาง คือ ทุกพรรคสู้กันในสภา และอภิปรายกัน หรืออีกแนวทางหนึ่งอาจจะมีสมาชิกของรัฐสภาบางส่วน โดยเฉพาะ สว.บางส่วน อาจจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องรอติดตามดู ทั้งนี้โดยหลักการแล้วเมื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อประธานรัฐสภารับทราบก็จบ นั่นหมายความว่าญัตติเรื่องนี้ ยังคงค้างอยู่ในวาะสภา เราก็รอศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้หากเดินไปข้างหน้ามันก็จะจบวันนี้พรุ่งนี้ได้ แต่ถ้าเลี้ยวซ้าย ไปทางศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องรอประมาณ 1 เดือน จากนั้นก็มาว่ากันต่อ
เมื่อถามว่าการยื้อเช่นนี้ จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้าออกไปอีกหรือไม่ และอาจจะไม่ทันในรัฐบาลนี้ นายสมคิด กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้ก็ช้าอยู่แล้ว จึงอยากขอร้องพรรคการเมืองทุกพรรคเพราะรัฐธรรมนูญเราใช้มานานพอสมควรแล้ว เรารู้ข้อบกพร่องหลายจุด อยากให้ช่วยกันแก้ไขให้ดีขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐธรรมนูญปี 60 จะแย่ทุกมาตรา แต่มีบางส่วนที่เราจะต้องแก้ไข เพื่อทันต่อการพัฒนา และทันต่อการแข่งขันของประเทศ จึงอยากฝากไปยังสมาชิกรัฐสภาว่า รัฐธรรมนูญคนเขียนขึ้นแก้ได้ ยุคสมัยมันเปลี่ยนก็ควรจะแก้ตามยุคสมัยของมัน และตนเชื่อว่าเป็นความต้องการของประชาชน แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยสู้เต็มที่
“เรื่องนี้เท่าที่ฟังเสียงจากวุฒิสภา คิดว่าโอกาสแทบไม่มีในการที่จะแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเราห่าง 67 เสียงไม่ได้ เพราะการแก้ 256 ต้องมี 1 ใน 3 ของ สว.อยู่ดี ต่อให้รับวาระแรก ก็ต้องเป็น 1 ใน 3 อยู่ดี ผมขอฝากไปยังวุฒิสมาชิกว่า เราเองอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มันดีขึ้น เพราะฉะนั้นวุฒิสมาชิกก็มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน ไม่ว่าจะทางอ้อมหรือทางไหนก็ตาม ก็ถือว่ามาจากประชาชนทั้งนั้น” นายสมคิด กล่าว
เมื่อถามว่าได้คุยกับทาง สว. บ้างหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีคนคุยอยู่ ซึ่งทำหน้าที่คอยประสานงานอยู่แล้ว ซึ่งชัดเจนว่าทิศทางเรื่องนี้ไม่มี
เมื่อถามว่าในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล จะส่งผลเสียอย่างไร นายสมคิด กล่าวว่า ส่งผลเสียแน่นอน ต่อแนวทางที่เราอยากแก้ แต่นี่คือผลของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค เลยยุ่งยาก เราก็ต้องยอมรับกติกา เวลาทำงานอาจจะยากขึ้น จึงฝากประชาชน ดูว่าพรรคไหนเดินหน้าอย่างไรทำอย่างไรก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ก็ยอมรับว่าเป็นเกมการเมือง แต่ก็ถือว่าเป็นสิทธิของแต่ละพรรค เมื่อเขาตัดสินใจของเขาแล้ว เราไปก้าวล่วงไม่ได้
เมื่อถามต่ออีกว่าจะกระทบกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ เพราะได้มีการหาเสียงไว้แล้ว นายสมคิด กล่าวว่า เชื่อว่าสามารถชี้แจงประชาชนได้ เรื่องนี้เราทำเต็มที่ ดังนั้นก็อยากให้ประชาชนเลือกเราเข้ามาเยอะๆ เมื่อครั้งที่แล้วเลือกมาน้อย เราเลยทำได้แค่นี้