เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 68 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ โดยจะยึดสิ่งที่เป็นประโยชน์ และไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในประเทศ ซึ่งในที่ประชุมร่วมรัฐสภา จะมีผู้เสนอ จำนวน 2 ร่าง 1.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะ และ 2.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มีจุดยืนในเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นว่า เราไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ไม่ว่าจะเป็นประเด็นใดก็ตาม โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เราคัดค้านเต็มรูปแบบ และในการลงมติวันที่ 14 ก.พ.นี้ สส.ของพรรคก็จะโหวตไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“การที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง พรรคภูมิใจไทย มีมติไม่ร่วมพิจารณาเรื่องถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ส่วนตัวในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้มาต่อเนื่อง การที่จะแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยใน มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มี ส.ส.ร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาดำเนินการในรัฐสภา โดยที่ไม่ได้ดำเนินการตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ว่า ก่อนที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องทำประชามติเสียก่อน ฉะนั้น การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะไปลงมติในเรื่องนี้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สุดท้ายก็จะมีปัญหาสำหรับผู้ที่ลงมติเห็นด้วย อาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องได้” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าจะมี สส.จากพรรคการเมืองอื่น นอกเหนือจากพรรคพลังประชารัฐลงมติไม่เห็นด้วย และที่สำคัญเชื่อว่า สว.คงจะมีคนเห็นชอบไม่กี่คน และญัตติก็จะถูกตีตกไปในวาระแรกทันที ซึ่งญัตติดังกล่าวจะผ่านในวาระแรกได้นั้น จะต้องมีเสียงเห็นชอบของ สว.มากกว่า 1 ใน 3 ก็คือ 67 คนขึ้นไป.