เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ จ.สระแก้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย  รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ลงพื้นที่ตรวจราชการ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสรวงศ์ เทียนทอง  รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ในเวลา 13.45 น. นายภูมิธรรมและคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจมาตรการดำเนินงานภายใต้ยุทธการอรัญ 68 โดยจุดแรกเดินทางไปที่จุดบูรณาการร่วม ทหาร ปกครอง ตำรวจ (จต.อ.25) ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยตรวจการใช้ยุทโธปกรณ์โดรน เพื่อใช้ในการช่วยลาดตระเวน และตรวจตราสิ่งผิดปกติของกองกำลังบูรพา รวมถึงรถปฏิบัติการสื่อสารทางยุทธวิธี ที่จะแสดงผลทางจอทีวีแบบเรียลไทม์หากพบสิ่งผิดปกติ โดยนายภูมิธรรมเห็นว่าการใช้เทคโนโลยีมาช่วยน่าจะเป็นเรื่องดี ที่จะช่วยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานได้ผลมากขึ้น 

จากนั้นเดินทางต่อไปตรวจเสาส่งสัญญาณผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ที่บ้านโคกสะแบง โดยจุดนี้จะมีการลดความสูงของเสาลง และออกแบบเสาใหม่ไม่ให้หันไปทางฝั่งกัมพูชา เพราะจากเดิมที่หันไปมีระยะห่างแค่ 300 เมตร  ซึ่งในระหว่างที่คณะรองนายกฯ มาตรวจดู  ก็ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าบริษัทที่ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์รับทราบเรื่องแล้วหรือไม่  ก็ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าได้รับทราบ และในช่วงนั้นพบว่า เจ้าหน้าที่บริษัททรู มาปีนเสาตัดสัญญาณและลดระดับการส่งสัญญาณ

ในเวลา 14.15 น. คณะได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานของชุดเครื่องมือตรวจสอบสถานีวิทยุคมนาคม สำหรับตรวจสอบสถานีโทรศัพท์เคลื่อนที่  ของ กสทช.  ที่ตลาดเบ็ญจวรรณ ต.ป่าไร่ เพื่อดูเสาสัญญาณผู้ให้บริการ โดยดูตัววัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ได้รับแจ้งเตือนจากฝ่ายความมั่นคง ว่าพบความผิดปกติ โดยสามารถบล็อกไอพีที่ใช้ได้ทันที

และในเวลา 14.28 น. มาตรวจจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก และรับฟังรายงานสถานการณ์การเดินทางเข้า-ออกของบุคคล โดยผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับการกองกำลังบูรพา  ซึ่งรายงานว่าขณะนี้เราห้ามคนเข้าได้ แต่ไม่สามารถห้ามคนออกได้ถ้าไปอย่างถูกต้อง  ซึ่งไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วจะถูกหลอกหรือไม่  จึงได้ทำการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนอยู่ตลอดเวลา โดยนายภูมิธรรม กำชับเรื่องการเดินทางเข้าออก และได้ไปดูจุดที่เจ้าหน้าที่ตัดสายเคเบิลที่ลักลอบส่งข้ามฝั่งไปยังกัมพูชา เบื้องต้นได้ทำการตัดสายแล้ว หากไม่สามารถหาเจ้าของได้  และเชื่อว่าสายที่ตัดต่อไปยังอาคาร 25 ชั้น ที่มีขบวนการไม่ถูกกฎหมาย

นายภูมิธรรม โชว์สายเคเบิลที่ถูกตัดแล้ว พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า สายเคเบิลใดที่ตรวจสอบแล้วไม่มีเจ้าของให้ตัดเลย เบื้องต้นตัดไปแล้ว 3 เส้น จาก 32 เส้น เหลือ 29 เส้น หากตรวจไปเจอที่ไหนไม่ถูกต้องก็ตัดทันที 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่วันนี้ทุกฝ่ายร่วมมือกันตามที่สภาความมั่นคงได้มีมติออกไป ทั้งการตัดไฟและอินเทอร์เน็ต  แต่ละจุดที่ไปดูห่างจากชายแดนไม่มาก ส่วนเสาสัญญาณได้ลดระดับความสูงลง และหันเสาออกจากจุดชายแดน หากไม่ลดความสูงลงสัญญาณจะข้ามไปยังฝั่งกัมพูชาได้  เมื่อลดความสูงลงก็ต้องช่วยเหลือประชาชนให้สามารถใช้สัญญาณได้  ดังนั้นตามแนวชายแดนยังไม่ต้องกังวลใจ  ยังใช้สัญญาณได้เพราะเราคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนด้วย  ส่วนสัญญาณที่ส่งออกไปข้างนอกเราสั่งตัดอย่างเด็ดขาด  เพื่อไม่ให้ขยายการกระทำผิด จุดผ่านแดนบ้านคลองลึกใกล้ชายแดนนิดเดียว มีแค่กำแพงรั้วที่สูงไม่มากขวางอยู่  หันไปดูก็จะเป็นตึก 25 ชั้น ที่ปรากฏออกมาตามสื่อฯ  ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นจุดหนึ่งที่เป็นเป้าหมาย โดยสายสัญญาณที่เหลือรอให้เจ้าของมาแสดงตัว  เพื่อติดสติกเกอร์ อันไหนบอกไม่ได้ว่าเป็นของใครจะตัดทิ้ง และให้ กสทช. ไปพิจารณาเรื่องสาย เสา ซิม และลดกำลังส่งสัญญาณให้วิ่งถี่ขึ้น  เพื่อดูว่ามีอะไรรั่วไหลหรือไม่ จะได้ดำเนินการ โดยสายที่ต่อไปทางกัมพูชา หากพบว่านำไปใช้ในพื้นที่กระทำผิดต้องสาวไปถึงต้นตอว่าเป็นสายของใคร และไม่ดำเนินการตามคำสั่งของรัฐบาลถือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย ต้องเรียกมาคุยกัน ทั้งนี้ต้องหารือกับบริษัทผู้ให้บริการ เช่น  เอไอเอสได้พูดคุยไปแล้วและวันนี้ส่งคนมาดำเนินการ ส่วนอื่นต้องไปคุย โดยขณะนี้มีสองเจ้าใหญ่ คงต้องให้ความร่วมมือหากเป็นเรื่องความมั่นคงของคนในประเทศ  วันนี้มาดูสาวไปถึงใครต้องดำเนินการต่อ มาตรการแรก  คือ ขอความร่วมมือเพราะเป็นปัญหาความมั่นคงในประเทศ หากตรงนี้ยังไม่ได้ผลก็ดำเนินการขั้นต่อไปตามกฎหมาย หากรู้ว่ามีบริษัทที่ขายสัญญาณต่อไปในพื้นที่ผิดกฎหมายก็ว่าไปตามกฎหมาย  เราต้องถอนใบอนุญาตหรืออาจไปถึงขั้นสมรู้ร่วมคิดในการกระทำผิด ต้องว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีเห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น

“ที่สระแก้ว ต้องเน้นเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่  เนื่องจากกัมพูชาก็มีไฟฟ้าที่ผลิตเองส่วนหนึ่ง  การจัดการต้องดูแต่ละพื้นที่ไป ในขณะที่ตลาดรวมถึงพญาตองซูที่ผมจะเดินทางไป ตรงนั้นไม่มีไฟฟ้า  จึงเป็นเงื่อนไขของเราที่จะทำให้เห็นผล และเค้าก็ตื่นตัวมาก และพยายามสกัดกั้น  ผลักดันคนที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ทำผิดกฎหมาย” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทางเมียนมา ระบุจะส่งคนที่ถูกหลอกไปให้ไทย 20 รอบ รอบละ 500 คน เราจึงบอกว่า ขอให้ประเทศต้นทางของคนที่ถูกหลอกไประบุมาก่อนเพราะเราไม่อยากมาสร้างค่ายอพยพที่ไทย ขณะนี้ทางจีนมีรัฐมนตรีเดินทางไปที่เนปิดอว์ ไปคุยกับรัฐมนตรีมหาดไทยเมียนมา เมื่อกลับเข้ามาได้นัดพูดคุยกับตน  ที่จะมาหารือถึงมาตรการร่วมมือกัน ยืนยันว่าทั้งหมดเราต้องคำนึงถึงอธิปไตยของไทย ส่วนความร่วมมือเป็นเรื่องของทุกฝ่ายที่จะร่วมกัน