เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 11 ก.พ.ที่ห้องประชุม สน.บางเขน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รรท.ผบก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมติดตามความคืบหน้าคดีฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว วิสามัญ นายศุภัช ศรีแย้ม อายุ 27 ปี คนร้ายแก๊งลักรถจักรยานยนต์ เสียชีวิต โดยผู้ต้องหายังหลบหนีอีก 1 ราย
โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า คดีนี้เริ่มต้นมาจากมีการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ สน.คันนายาว 4-5 ครั้ง จึงได้สืบสวนสอบสวน จนพบว่าคนร้าย 2 คนแต่งกายด้วยชุดในวันก่อเหตุวันนี้ และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ คนร้าย 2 คนนี้จะไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์1 คันที่ซอยคู้บอน 13 และเอามาจอดใต้ทางพิเศษฉลองรัช ในเวลา 06.00 น. และเอารถออกไปในเวลา 10.00 น. ของวันเดียวกัน
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ คนร้ายทั้ง 2 ได้มาก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ในซอยนวลจันทร์ 52 สู้เป็นพื้นที่ของ สน. โคกคราม ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว จึงมาดักซุ่มรอในที่จุดเกิดเหตุ เพราะคาดว่าคนร้ายจะเอารถมาจอดที่นี่ กระทั่งถึงเวลาเกิดเหตุ คนร้ายได้เข้ามาเอารถ ฝ่ายสืบสวนที่ซุ่มสังเกตการณ์อยู่ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมล็อคนายศุภัช อายุ 27 ปี แต่คนร้ายอีกคนได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดหันมาทางตำรวจ บังคับให้ปล่อยตัวนายศุภัช ก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อจะขี่หลบหนี
จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัดลักษณะเป็นการยิงต่อสู้กัน จากนั้นทำให้คนร้ายที่ซ้อนท้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีก 1 ราย ขี่รถ จยย.หลบหนีไปได้ จากภาพวงจรปิดพบสวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวสีดำ สวมหมวกกันน็อคเต็มใบสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็ก สีดำ ไม่ทราบป้ายทะเบียน ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนขณะนี้พบว่ายังอยู่ในพื้นที่นครบาล

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นเป็นไปตามยุทธวิธีและขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพจากวงจรปิดปรากฏให้เห็นแล้วว่าคนร้ายพยายามที่จะทำร้ายตำรวจก่อน ตำรวจจึงต้องยิงเพื่อป้องกันตัว ซึ่งเรื่องนี้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ไปชี้แจงกับญาติคนร้ายที่เสียชีวิตแล้ว
คดีนี้ต้องแยกสำนวนเป็น 4 คดี สำนวนที่ 1 คือเรื่องของการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต, สำนวนที่ 2 คือเรื่องที่ตำรวจวิสามัญคนร้าย, สำนวนที่ 3 คือเรื่องป้องกันตัวของตำรวจ, และสำนวนที่ 4 คือเรื่องที่คนร้ายไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์
อย่างไรก็ตามหากพี่น้องประชาชนท่านใดพบเห็นรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยตามภาพวงจรปิดช่วยรีบแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที “รอง ผบช.น.” กล่าว.