สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ว่า บันทึกข้อความดังกล่าว ซึ่งมีการเผยแพร่ต่อสาธารณชน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารที่ทำเนียบขาวยื่นต่อศาล เพื่อสู้คดีที่มีผู้ฟ้องร้องคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดมุ่งหมายห้ามบุคลากรข้ามเพศเข้ารับราชการทหาร

เอกสารระบุว่า “การเข้าร่วมกองทัพสำหรับบุคคลที่มีประวัติความผิดปกติทางเพศจะถูกระงับ และคำสั่งนี้มีผลทันที” นอกจากนั้น ขั้นตอนทางการแพทย์ที่ไม่ได้กำหนดไว้ หรือได้กำหนด หรือวางแผนไว้แล้วทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับการยืนยัน หรืออำนวยความสะดวกในการแปลงเพศสำหรับทหาร “จะถูกระงับ”

ทั้งนี้ เอกสารไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ “บุคคลข้ามเพศที่อยู่ในกองทัพแล้ว” แต่ได้อ้างคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ ซึ่งระบุว่าการแสดง “อัตลักษณ์ทางเพศ” ที่เป็นเท็จ ซึ่งแตกต่างไปจากเพศของบุคคลอื่นนั้น ไม่สามารถตอบสนองมาตรฐานอันเข้มงวดที่จำเป็นสำหรับการรับราชการทหารได้

กองทัพสหรัฐยกเลิกข้อจำกัดต่อทหารข้ามเพศในปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงปลายสมัยที่สอง ของรัฐบาลพรรคเดโมแครตในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยได้อนุญาตให้ทหารข้ามเพศที่รับราชการอยู่แล้ว สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเปิดเผย และเริ่มรับสมัครทหารข้ามเพศเข้ากองทัพ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2560

อย่างไรก็ตาม เมื่อหมดสมัยของรัฐบาลโอบามา สหรัฐเข้าสู่รัฐบาลสมัยแรกของทรัมป์ ซึ่งระงับขั้นตอนดังกล่าว และเมื่อหมดอำนาจรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก เข้าสู่รัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แน่นอนว่า ไบเดนยกเลิกมาตรการของทรัมป์

แต่ในที่สุด นโยบายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ เมื่อเดือน เม.ย. 2562 หลังการต่อสู้ทางกฎหมาย ที่ยืดเยื้อไปจนถึงต้องให้ศาลฎีกาพิพากษาชี้ขาด

พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมในรัฐบาลไบเดน วิพากษ์วิจารณ์แผนการของทรัมป์ ระหว่างกล่าวอำลาตำแหน่ง เมื่อเดือนที่แล้ว ว่า “กองทัพใดก็ตามที่ปฏิเสธผู้รักชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสม และกระตือรือร้นที่จะเข้ารับราชการทหาร เท่ากับเป็นการทำให้กองทัพเล็กลงและอ่อนแอลง”.

เครดิตภาพ : AFP