นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ทล. ได้รับงบประมาณปี 2568 ให้ดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 311 ช่วงแยกศาลหลักเมือง-แยกไกรสรราชสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 32 บริเวณแยกต่างระดับสิงห์บุรี เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองสิงห์บุรี โดยโครงการนี้มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดสิงห์บุรี และพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากทางหลวงหมายเลข 311 เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 32 เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองสิงห์บุรี ปัจจุบันมีปริมาณการจราจรหนาแน่น ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

นายอภิรัฐ กล่าวต่อว่า การดำเนินโครงการนี้ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจร เพิ่มประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ลดระยะเวลา และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาเศรษฐกิจ สำหรับลักษณะการก่อสร้างสะพานแห่งนี้ ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ตัวสะพานหลักที่ทอดข้ามแม่น้ำ (Arch Bridge) และสะพานเชื่อมทางขึ้นลง หรือที่เรียกว่า (Approach Bridge) ซึ่งการก่อสร้างสะพานหลัก เป็นสะพานโค้งแบบเครือข่ายที่มีระบบค้ำยันภายใน (Network Tied Arch Bridge) แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งมีความโดดเด่นทางวิศวกรรมด้วยช่วงยาว 150 เมตร ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยไม่มีเสาตอม่อในน้ำ ทำให้ดูสวยงาม และไม่กีดขวางการไหลของน้ำ

โดยสะพานนี้ใช้เทคโนโลยี “Network Tied Arch” ที่ทันสมัย ด้วยการใช้สายเคเบิลลายเส้นขึงไขว้กันเป็นรูปแบบเครือข่าย (network cable pattern) ทำให้สะพานสามารถรับน้ำหนักได้มาก เพิ่มความแข็งแรง ลดการโก่งตัวของโครงสร้าง แตกต่างจากสะพานโค้งทั่วไปที่ใช้สายเคเบิลขึงตรง อีกทั้งส่วนโค้ง และสายเคเบิล ยังทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยถ่ายแรงไปยังพื้นสะพาน ทำให้สะพานมีความมั่นคง และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ผิวจราจรแบบแอสฟัลต์คอนกรีต ขนาด 3 ช่องจราจร (ขาเข้าตัวเมือง) ขนาดความกว้าง 3.50 เมตร ไหล่ทาง 2.50 เมตร พร้อมทางเท้าข้างละ 4.95 เมตร มีความสูงประมาณ 30 เมตร พร้อมงานประดับตกแต่งไฟบนสะพาน เพื่อความสวยงามในยามค่ำคืน

ส่วนการก่อสร้างสะพานเชื่อมทางขึ้นลง (Approach Bridge) เป็นสะพานที่เชื่อมต่อถนน หรือทางลาดเข้ากับตัวสะพานหลัก ทำหน้าที่รองรับการจราจรที่เข้า และออกจากสะพานหลัก ช่วยกระจายแรง และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงความสูงระหว่างถนนกับสะพาน สร้างด้วยคอนกรีตอัดแรงแบบ (I-Girder) มีเสาเข็มเจาะเป็นฐานราก มีทั้งหมด 6 ช่วง แบ่งเป็น ช่วงยาว 20 เมตร 3 ช่วง และช่วงยาว 25 เมตร 3 ช่วง รวมความยาว 135 เมตร ขนาด 3 ช่องจราจร (ขาเข้าตัวเมือง) ขนาดความกว้าง 3.50 เมตร ไหล่ทาง 2.50 เมตร ผิวทางแบบแอสฟัลต์คอนกรีต นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างเชิงลาดคอสะพาน กำแพงกันดิน เพื่อให้การเชื่อมต่อระหว่างสะพานกับถนนเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และลดการทรุดตัวบริเวณรอยต่อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจราจร และลดปัญหาการจราจรติดขัด

นายอภิรัฐ กล่าวอีกว่า ทล. ยังได้ออกแบบปรับปรุงจุดตัดทางแยกบนทางหลวง บริเวณแยกศาลหลักเมือง (จุดตัดระหว่าง ทล.311, ทล.309 และ ทล.3030) ถึงบริเวณแยกไกรสรราชสีห์ (จุดตัดระหว่าง ทล.311, ทล.335 และทางหลวงชนบท สห.3032) โดยปรับจากสี่แยกไฟแดงเป็นวงเวียน และปรับปรุงแยกขุนสรรค์ (จุดตัดระหว่าง ทล.311 และถนนขุนสรรค์) พร้อมทั้งดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ และสร้างพื้นที่สันทนาการริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่สาธารณะได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าว ดำเนินการโดยสำนักสำรวจและออกแบบ และสำนักก่อสร้างสะพาน ทล. ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง วงเงินงบประมาณ 1,100 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างกลางปี 2568 และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2570

ทั้งนี้เมื่อโครงการแล้วเสร็จ ประชาชนในจังหวัดสิงห์บุรี และพื้นที่ใกล้เคียงจะได้รับประโยชน์มากมาย อาทิ การเดินทางที่สะดวก และรวดเร็วขึ้น ช่วยลดระยะเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นจากการลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การจราจรที่คล่องตัว บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ ส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวทำให้เศรษฐกิจเติบโต คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณะและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น และการพัฒนาพื้นที่ ปรับปรุงภูมิทัศน์และสร้างพื้นที่สาธารณะสำหรับประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน.