เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเตรียมออกคำสั่งเรียกคนที่มีข้อกล่าวหาพัวพันกับการกระทำผิดกฎหมายออกนอกพื้นที่ที่เขามีบทบาทและอำนาจทั้งหมด ว่า รอคำสั่งที่จะออกมาก่อน ซึ่งเป็นคำสั่งให้ออกจากบริเวณพื้นที่ที่มีบทบาทอำนาจอยู่ และห้ามข้ามไปฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ยังไม่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่กลุ่มงานไหนที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีบทบาทอะไร จึงยังไม่ได้สรุปความผิด เพียงแค่ขอให้ออกจากพื้นที่ก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวก

เมื่อถามถึงกรณีตำรวจที่เชียงใหม่ ที่เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีข้อมูลไปถึงไหนแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ส่งให้เรา ซึ่งหากมีความคิดที่ชัดเจนก็ให้ออกจากราชการได้ 

เมื่อถามอีกว่าได้มีการประเมินเกี่ยวกับการตัดไฟและการงดส่งน้ำมันรวมถึงตัดอินเทอร์เน็ต ในช่วงที่ผ่านมา ว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาก็ลดลงตามลำดับ หลังจากวันแรกที่เราให้มีการตัดไฟ ซึ่งลดไปกว่าครึ่งหนึ่ง ขณะนี้พญาตองซู ประเทศเมียนมา ได้มีการขับไล่กลุ่มทุนเทาทั้งหลายออกจากพื้นที่ และในส่วนอื่นตนคิดว่าดำเนินการได้ดีพอสมควร อีกทั้งเรามีการกวดขันไม่ให้มีการลับลอบนำเข้า และใครที่มีส่วนที่มีการดำเนินการเกี่ยวข้อง ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกระทำผิดร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการที่ตนได้มีการพูดคุยตำรวจทหารและกรมการปกครอง ถือว่าร่วมงานได้ดีพอสมควร แต่อาจมีปัญหาหลายประการที่เราขอเคลียร์อยู่ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค และส่วนใดที่คิดว่าเป็นอุปสรรค จะดำเนินการตามขั้นตอน

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ในวันที่ 12 ก.พ. 2568 ตนจะลงพื้นที่ในปอยเปต ประเทศกัมพูชา และเท่าที่ทราบในขณะนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ลดขนาดลง และการใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ก็ไม่เสถียร อินเทอร์เน็ตก็มีปัญหา แม้จะมีการใช้ดาวเทียมวงจรต่ำอยู่บ้าง ส่วนจะมีการปิดชายแดนไม่ให้สินค้าไทยเข้าไปที่ประเทศเมียนมา เราไม่ต้องห่วง เพราะตามจริงเขาพึ่งพาเรา หากไม่มีสินค้าไทยเข้าไป เขาก็เหนื่อยเหมือนกัน รวมถึงในชายแดนขณะนี้ก็มีการสู้รบอยู่แล้ว เขาจึงยังต้องการอยู่กับปัจจัยและอะไรอีกหลายอย่าง ฉะนั้นก็ไม่ได้มีผลที่จะทำให้เราลดความกดดันหรือลดความรุนแรงในการจัดการปัญหาให้เด็ดขาด

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนที่เมืองปอยเปต ทางการข่าวเราทราบว่า พบตึกหรือแหล่งที่ใช้ในการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรู้ตัวคนที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งกลุ่มรายชื่อและเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งในและนอกประเทศรวมกันกว่า 300-400 เครือข่าย โดยรายละเอียดอื่นกำลังดำเนินการตรวจสอบทางลับอยู่ ซึ่งต้องมีหลักฐาน เพราะเราจัดการตามกระบวนการยุติธรรม หากมีหลักฐานชัดเจนเราไม่ปล่อยไว้แน่นอน ฉะนั้นหากมีอะไรที่คิดว่าเป็นปัญหาก็นำหลักฐานมายื่น เราก็จะไปจัดการ แต่หากยื่นแล้วเราไม่จัดการ ก็เอาหลักฐานไปแฉ แล้วค่อยมาตำหนิรัฐบาล 

เมื่อถามถึงกรณีคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงาน มีโอกาสที่จะช่วยดำเนินการพากลับประเทศหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังดำเนินการทุกวิถีทาง โดยทราบว่ามีทั้งคนไทยและมีชาติพันธุ์อื่น และเราเองก็มีเงื่อนไขว่า การจะส่งตัวให้เราประเทศเจ้าของนั้น ประเทศนั้นก็ต้องพร้อมที่จะรับบุคคลไป เพราะฉะนั้นหากเรารับเข้ามาก็จะอยู่ที่ชายแดนไทย จะกลายเป็นค่ายอพยพเข้ามา เวลานี้องค์กรเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ (เอ็นจีโอ) ที่อยู่ในค่ายอพยพ ไม่ได้มีเงินพอที่จะดูแล จะให้รัฐบาลไทยไปรับผิดชอบก็คงไม่ไหว ซึ่งเราได้คุยกับประเทศที่เกี่ยวข้อง และได้รับความสนับสนุนจากนานาประเทศ ในขณะนี้สถานทูตที่มีบุคคลอยู่ในเครือข่าย ก็พร้อมที่จะมารับคนของเขาไป ทั้ง แอฟริกา ลาติน อเมริกา และภูมิภาคเอเชีย ก็พร้อมที่จะมารับตัวคนของประเทศเขากลับ แต่ไม่มีช่องทางที่จะเข้าไป เพราะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับประเทศเมียนมา

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตามจริงเรื่องนี้มีการประสานงานมาอย่างยาวนาน โดยเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่เคยมีเขาเรียกร้องเสมอ เราต้องคำนึงถึงความมั่นคงและสิทธิมนุษยชน หลังจากมีคุยกับทุกภาคส่วนมาแล้ว รายชื่อต่าง ๆ ต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน

เมื่อถามถึงกรณีการถอนสัญชาติไทยกับเจ้าของตึก 25 ชั้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จะสามารถทำได้ทันทีเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ที่มีแนวทางปฏิบัติ เขาก็ปฏิบัติกันอยู่ ไม่ใช่เจอหน้าก็จับได้เลย บางทีไม่ได้อะไร เป็นคนรับจ้าง ฉะนั้นเราก็ต้องดูความเหมาะสมและความชัดเจน เพราะระหว่างที่จะสกัดเครือข่ายทั้งหมดให้ได้ ฉะนั้นงานนี้จะมีกำหนดว่าจะดำเนินการไปถึงเมื่อไหร่ จนกว่าเราจะพอใจ และตอบโจทย์ที่เราจะสามารถจัดการได้ 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีซิมจำนวนมากถูกทิ้งริมแม่น้ำโขง จะมีการดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของข่ายซิมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พูดง่าย ๆ แบบนี้คงไม่ได้ ต้องศึกษาว่าซิมเหล่านั้นมีข้อมูลอะไร ไม่ใช่จะจับเลย หากโยงแล้วเกี่ยวข้องกับใครก็สามารถดำเนินการได้ ถ้าสาวไปถึงใคร บริษัทไหน ก็ต้องดำเนินการสอบสวน