เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 68 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ว่า พรรคพลังประชารัฐได้กำหนดประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นมาอภิปรายประมาณ 2 เรื่อง คือ 1.ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และ 2.การเจรจาผลประโยชน์ร่วมกันในเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนไทย-กัมพูชา ตาม MOU 44 โดยจะเป็นการตั้งคำถามไปที่ตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นหลัก
“ผมเชื่อมั่นว่า ประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐได้นำมาอภิปรายรัฐบาลในครั้งนี้ มีน้ำหนักพอที่จะทำให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางคนต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ และหากตอบได้ไม่ชัดก็จะเกิดปัญหาได้ โดยจะเป็นการเปิดประเด็นให้เห็นพฤติการณ์ในเรื่องที่สังคมไม่เคยรับรู้มาก่อน” นายไพบูลย์ กล่าว
เมื่อถามว่า การอภิปรายในครั้งนี้จะสามารถล้มรัฐบาลได้หรือไม่นั้น เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนมองว่า ตัวของนายกรัฐมนตรีมีปัญหาเยอะอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่มีผลให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีก็อาจจะมีปัญหา สืบเนื่องจากผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และทำให้สังคมได้รู้อะไรมากขึ้น หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายไพบูลย์ ยังเปิดเผยถึงแนวทางการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตอนนี้เรามีคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การดำเนินการของ สส. ในสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามอุดมการณ์ โดยมี นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เป็นประธานคณะทำงาน และคณะทำงาน ประกอบด้วย นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี นายวิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ นายบุรินทร์ สุขพิศาล และ นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เลขานุการคณะทำงาน.