เมื่อวันที่ 10 ก.พ. พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 (ผบก.สส.ภ.2) ร่วมกับ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ภายหลังแถลงข่าวผลการเปิด “ยุทธการ อรัญ 68 Seal Border ระเบิดสะพานโจร Call center ทลายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์” ตัดเส้นเลือดใหญ่ขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ร่วมกันตัดสัญญาณฯ ในจุดสำคัญแนวชายแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ภายหลังมีข้อมูลการสืบสวนสอบสวนพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานอยู่ฝั่งปอยเปตนั้น ใช้สัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตจากประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน “ยุทธการ อรัญ 68 Seal Border” ที่ตำรวจภาค 2 เปิดปฏิบัติการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2568 กดดันและจับกุมขบวนการนำพาคนลักลอบเข้าเมืองเพื่อไปเป็นแอดมินหลอกลวง และบัญชีม้า ซึ่งเป็นหัวใจของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ต่อมาคณะผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบและทลายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์ครั้งนี้ เป็นการเปิดปฏิบัติการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและทลายสัญญาณโทรศัพท์ 3 จุด ชายแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต คือ 1.สถานีรถไฟคลองลึก หน้าด่านพรมแดน ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ 2.เสาโทรศัพท์หลังตลาดเบญจวรรณ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ และ 3.เสาโทรศัพท์ บ้านโคกสะแบง ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ

ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า การดำเนินการครั้งนี้ จะทำให้สามารถลดการใช้ซิมบ็อกซ์โทรฯ หลอกลวง เชื่อว่าจะลดปริมาณคดีและการหลอกลวงของมิจฉาชีพได้ เราพบจุดที่ตั้งซิมบ็อกซ์อยู่หลายจุด เช่น ที่ตำบลท่าข้าม ตำบลป่าไร่ อ.อรัญประเทศ เราพบสัญญาณข้ามไป และมีการใช้อย่างหนาแน่น และพบออฟฟิศปล่อยเช่าในปอยเปตจำนวนหลายแห่ง โฆษณาออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์มีสาธารณูปโภคพื้นฐานโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย เมกะบิตละ 3,000 บาท ซึ่งในออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์อาจจะต้องใช้ถึง 100 เมกะบิตต่อเดือน เสียค่าบริการ 300,000 บาท ตรวจสอบแล้วบางส่วนเป็นอินเทอร์เน็ตของไทย จึงประสาน กสทช. เพื่อดำเนินการใน 2 ส่วน ทั้งอินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์ โดยทราบว่าทาง กสทช. ได้มีหนังสือสั่งให้โอเปอเรเตอร์หรือผู้ให้บริการรถเสาสัญญาณการส่งสัญญาณทางโทรศัพท์แล้ว.




