สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ว่านายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาไทยและนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวว่า จีนเป็นพันธมิตรการค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย และไทยได้รับประโยชน์มหาศาลจากการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการเกษตร การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน
การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมเสาหลักของไทย และข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างสองประเทศ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2567 มีส่วนช่วยเกื้อหนุนและเพิ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างสองประเทศ
ไทยและจีนได้จัดโครงการด้านการศึกษาและวัฒนธรรมมากมายช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักเรียนไทยสนใจเรียนรู้ภาษาจีนกลางกันอย่างมาก ขณะที่นักเรียนจีนจำนวนมากเลือกเรียนที่ไทยเช่นกัน ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีสำหรับคนรุ่นใหม่จากสองประเทศ ที่จะได้ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และอัดฉีดพลังใหม่สู่ความสัมพันธ์ทวิภาคี
“กลุ่มนักธุรกิจ นักเรียนนักศึกษา นักวิชาการด้านวัฒนธรรม และนักท่องเที่ยวต่างมีปฏิสัมพันธ์กันบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้มิตรภาพระหว่างสองประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และทำให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายใกล้ชิดกันมากขึ้น” นายโภคินกล่าว
ทั้งนี้ นายโภคินเคยไปเยือนจีนหลายครั้งและได้เห็นการพัฒนาอันยิ่งใหญ่ของจีน เขามองว่า ความสำเร็จในการสร้างความทันสมัยของจีนนั้น ควรค่าแก่การเรียนรู้สำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงไทยเองด้วย
นายโภคินชี้ว่า การสร้างความทันสมัยของจีนนั้นยึดมั่นในการบรรลุความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน เน้นย้ำความเท่าเทียมทางสังคม และให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
จีนมีจุดแข็งในหลากหลายด้าน เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ทางรถไฟความเร็วสูง เมืองอัจฉริยะ และเศรษฐกิจดิจิทัล อีกทั้งได้แบ่งปันความสำเร็จด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีกับนานาประเทศอย่างแข็งขัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพันธมิตรทั่วโลก
“การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติที่จีนนำเสนอ ถือเป็นแนวคิดที่ขาดไม่ได้และมีความสำคัญในโลกปัจจุบัน” นายโภคินระบุ พร้อมเสริมว่าแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนเอื้อประโยชน์ต่อโลก และปรับปรุงระดับการเชื่อมต่อในภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นายโภคินมั่นใจในอนาคตของความสัมพันธ์ทวิภาคี ว่าไทยและจีนมีประวัติศาสตร์มิตรภาพอันยาวนาน และมุ่งหวังที่จะใช้โอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เป็นโอกาสในการบรรลุความร่วมมือ ที่ส่งมอบผลลัพธ์งอกงามมากขึ้นในหลายสาขา และเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น.
ข้อมูล : XINHUA
เครดิตภาพ : AFP