เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ได้จัดเสวนาเรื่อง “สังคมเศรษฐกิจไทยในนโยบาย กาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย“ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นางนวลน้อย ตรีรัตน์ ผอ.ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ตลอดจนศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบันคณะเศรษฐศาสตร์ และประชาชนที่สนใจเข้าร่วม
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การจะเอาพนันขึ้นมาบนดินให้ถูกกฎหมาย เรื่องการพนันเพราะเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย และจากประสบการณ์ตรง ได้รู้จักกับคนที่มีประสบการณ์เรื่องการพนัน ตั้งแต่บ่อนกาสิโนจนถึงการพนันออนไลน์ ซึ่งมีหลายคนที่มีชีวิตเสียหายจากเรื่องการพนันเหล่านี้ คำถามตอนนี้คือ หลายคนทำใจแล้วว่า มันเป็นนโยบายรัฐบาล เราจะเตรียมความพร้อมตั้งเงื่อนไขต่อสังคมเพื่อให้รับได้หรือไม่ ตนมีความรู้สึกว่าน่ากลัว เพราะปีเศษที่ผ่านมา ไม่ได้มีการเริ่มต้นเอาประเด็นปัญหาขึ้นมาถกเถียงแบบจริงจัง จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ก็ไม่ได้มีการพูดที่ชัดเจนว่าจะทำ บอกเพียงว่าจะทำให้ถูกกฎหมาย หรือเอาขึ้นมาบนดิน เพื่อให้รัฐสามารถเข้าไปกำกับดูแล หรือจัดเก็บรายได้ แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าจะครอบคลุมเรื่องใดบ้าง เรื่องนี้รัฐบาลอยากมีรายได้จากการท่องเที่ยว หรือเป็นรายได้ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจมาจากกิจกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงเป็นที่มาของคำว่าสถานบันเทิงครบวงจร เขาไม่ได้เขียนชัดเจนว่าเป็นเรื่องการพนัน แต่หากเข้าไปดูร่างกฎหมายที่บอกว่า จะต้องมีกิจกรรมดังต่อไปนี้ร่วมกับการพนัน ซึ่งจุดยืนของตนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดทำการพนันออนไลน์ รวมถึงการทำให้ถูกกฎหมายหรือการตั้งกาสิโน
“ผมมองถึงประเด็นปัญหาด้านสังคม ว่า การพนันออนไลน์ที่จะทำให้ถูกกฎหมาย มีอันตรายกว่าทำกาสิโน จุดยืนแบบนี้ผมไม่ใช่คนไร้เดียงสา เพราะจะถูกหรือผิดกฎหมาย ปฏิเสธไม่ได้ว่า อย่างไรก็จะให้มีขึ้นในประเทศไทย เพราะหากไปคัดค้าน มันก็มีอยู่แล้วใต้ดิน ที่ผิดกฎหมาย แล้วทำไมถึงไม่ยอมให้มีการจัดระบบให้ถูกต้องถูกกฎหมาย ผมยืนยันว่า ไม่ได้ปฏิเสธว่า เรื่องนี้มีอยู่แล้ว ทุกคนเห็นตรงกัน แต่ก็ยังไม่เคยเห็นว่า ใครพูดว่าการพนันเป็นสิ่งที่ดี มีคนจำนวนมากที่เป็นพลเมืองดี อยากทำของที่ถูกกฎหมาย แต่เชื่อได้ว่า ก็มีคนจำนวนไม่น้อย ถ้าจะให้ไปเล่นการพนันแบบผิดกฎหมาย ไปเข้าบ่อน ก็คงไม่เข้า แต่เชื่อว่าหากถูกกฎหมาย คนในห้องเสวนานี้เผลอๆ อาจจะเข้าไปลองครั้งสองครั้ง จึงอย่าไปมองว่า เมื่อเขาอ้างว่า เอาของผิดกฎหมายขึ้นมาบนดินทำให้ถูกแล้ว แปลว่า เอาสิ่งที่มีอยู่แล้วมาทำให้เป็นระบบ เมื่อไหร่ที่เอาสิ่งผิดกฎหมายขึ้นมาบนดินให้ถูกกฎหมาย ที่สุดมันจะมีการขยายตัวของบ่อนการพนันเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนว่ากี่เปอร์เซ็นต์ และจะมีคนเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ผมมองไม่เห็นถึงข้อดีที่จะนำธุรกิจนี้ขึ้นมาบนดิน ตรงกันข้ามถ้าเปรียบเทียบกับในเรื่องของการบริการทางเพศ ถ้าทำให้ถูกกฎหมาย ยังจะช่วยเรื่องค้ามนุษย์ หรือการป้องกันของปัญหาสังคมได้มากกว่า” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เขาจะยกเหตุผลในการตั้งกาสิโนถูกกฎหมายว่า 1.เขาเอาสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน แต่ดูแล้วไม่มีเหตุผล เพราะการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร ยังมองไม่เห็นว่าเป็นตลาดเดียวกัน กับบ่อนพนันที่มีอยู่ทั่วประเทศ 2.เวลาที่มีสถานบันเทิงครบวงจรแบบนี้ เข้าใจว่า ในที่สุดก็ต้องไปกำหนดกฎกติกาคนที่จะเข้าไปเล่น ก็น่าจะเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง ตนจึงมองไม่เห็นประโยชน์ว่าคืออะไร 3.หากมองในมุมเศรษฐกิจ หรือมองในเฉพาะจุดที่สร้างรายได้ขึ้นมาแล้วจบ สิ่งที่ได้ในทางตรงคือ 1.มุมของรัฐ ได้ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต นี่ยังไม่นับรวมว่า จะมีเงินใต้โต๊ะหรือผลประโยชน์อย่างอื่น หรือผลตอบแทนอื่น 2.การจัดเก็บภาษีรายได้เพิ่มขึ้น จากรายได้ของพนันออนไลน์ หรือบ่อนกาสิโน 3.อาจจะอ้างว่า เมื่อมีธุรกิจนี้แล้วจะเกิดการจ้างงาน รวมไปถึงการจ้างแรงงาน อาจเป็นการจ้างต่างด้าวในอนาคต หรืออ้างถึงระบบโครงสร้างที่จะทำขึ้น 4.อาจจะอ้างว่า เป็นวิธีการในการดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่นี่เป็นเพียงการวัดผ่านตัวเงินเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับมูลค่าหมุนเวียนการพนัน ต้องมาไล่ดูว่าประโยชน์ตรงนี้มากหรือน้อยเพียงใด คุ้มค่าหรือไม่ และมีผลข้างเคียงอะไรอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ ยังตั้งคำถามว่า อยากให้คนไทยเข้าไปอยู่ในระบบการพนันเช่นนี้หรือ เพราะประเทศไทย มีสิ่งดีๆ จำนวนมาก รัฐบาลก็ยังพูดถึง Soft Power ไม่จบ ว่าสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาได้จำนวนมาก และถ้าถามตนว่านักท่องเที่ยวไม่อยากมาเมืองไทยเพราะไม่มีกาสิโนก็ไม่ต้องมา เพราะนักท่องเที่ยวที่บอกว่าไม่มาเมืองไทยเพราะจะมาเล่นกาสิโน ตนจึงไม่แน่ใจว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่เราต้องการหรือไม่ พร้อมยังตั้งข้อสังเกตว่าหาก ท้ายที่สุดแล้วจะนำมาซึ่งปัญหาสังคม ทั้งอาชญากรรม ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ซึ่งปัจจุบันก็สูงมากอยู่แล้ว และกาสิโนยังเชื่อมโยงกับการฟอกเงิน การร่วมทุน ซึ่งจีนพยายามทำทุกทางไม่ให้อยู่ในแผ่นดินของเขา รวมถึงที่มีบ่อนอยู่ในมาเก๊าก็กดดันไม่ให้พึ่งพารายได้จากส่วนนี้ และยังกดดันหลายประเทศ ที่กลายเป็นแหล่งพนันสำหรับคนจีนทุกรูปแบบ ทั้งนี้หากจะมีกาสิโน จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายที่เที่ยงตรงและเข้มแข็ง เพราะไม่มีหลักประกันใดว่าจะไม่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ที่จะมาอาศัยกาสิโนเพื่อการฟอกเงิน ปัญหาอาชญากรรมที่จะสูงขึ้น รวมถึงปัญหาสังคมอื่นตามมาอีกมาก ตนจึงไม่เห็นประโยชน์อื่นใดที่จะเอากาสิโนหรือพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน เพราะไม่คุ้มค่ากับปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคต
ขณะที่นางนวลน้อย กล่าวว่า การพนันออนไลน์ที่เป็นภัยพิบัติมากที่สุดในปัจจุบันคือกาสิโนออนไลน์ ซึ่งต่างจากการซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์ในแอปเป๋าตังค์ หรือเงินดิจิทัลที่รัฐบาลบอกว่าจะทำ แต่ไม่ได้ทำ ส่วนคำถามที่ว่าประเทศใดบ้างที่ทำกาสิโนถูกกฎหมายแล้วสำเร็จ ประเทศใดบ้างล้มเหลว คือสิงคโปร์ที่สำเร็จ มีตัวเลขรายได้หลังหักภาษีแล้ว 1.3-1.4 แสนล้าน/ปี แต่ของไทยตนยังหาตัวเลขไม่ได้ ปัจจุบันรัฐอ้างว่าลอตเตอรี่ 1 งวดจะมีรายได้งวดละ 4 หมื่นล้านบาท แต่เราไม่เคยเห็นเงินพวกนี้เลย จึงไม่รู้ว่ารัฐเอาไปใช้ประโยชน์อะไร แล้วมาอ้างว่าถ้าทำกาสิโนจะมีรายได้เจ้ารัฐเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท ส่วนที่ล้มเหลวหลายคนจะพูดถึงฟิลิปปินส์ที่เปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2520 เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยว บริหารโดยรัฐบาล แต่เพราะความหละหลวมของกฎหมายที่ให้ฝ่ายบริหารสามารถล้วงเงินไปใช้ได้ตลอด และมีการออกใบอนุญาตเพิ่มให้เอกชน จนทำให้การแข่งขันสูง สุดท้ายมีการขายใบอนุญาตเพิ่มให้ทำกาสิโนออนไลน์ได้อีก โดยบอกว่า ให้คนต่างประเทศเข้ามาเล่นในลักษณะออฟชอร์ ไม่ใช่ให้คนในประเทศเล่น มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวจีน จนประเทศจีนทนไม่ไหว เพราะมีการทุจริตมาก และมาเก๊าก็มีปัญหามาก รัฐบาลจึงปราบคอร์รัปชั่นและห้ามข้าราชการจีนเอาเงินออกนอกประเทศ เพราะเชื่อว่าเป็นเงินจากการคอร์รัปชั่น และยังออกกฎหมายว่า ประเทศที่มีการพนันออนไลน์คือผิดกฎหมายจีน
“ทำให้ฟิลิปปินส์ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ ไม่มีคนไปเล่น ที่สุดคนท้องถิ่นก็เล่นแทน จนเกิดปัญหาสังคม รัฐจึงลดใบอนุญาตลง ซ้ำรัฐบาลฟิลิปปินส์ยังเคยถูกรัฐบาลบังกลาเทศฟ้องร้อง เพราะมีแก๊งอาชญากรรมโจรกรรมเงินของรัฐบาลบังกลาเทศทางไซเบอร์ โอนเงินไหลเข้าบ่อนที่ฟิลิปปินส์เพื่อฟอกเงิน จนฟิลิปปินส์ถูกขึ้นบัญชีสีเทาตั้งแต่ปี 2564 อีกทั้งยังเป็นการรวมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้ากับบ่อนกาสิโนผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นจำนวนมาก มีคนต่างชาติถูกทรมาน มีการค้ามนุษย์ทุกอย่าง การทลายบ่อนกาสิโนในกรุงมะนิลา สามารถช่วยคนออกมากว่า 3,000 คน โดยเป็นชาวต่างชาติกว่า 1,000 คน จาก 17 ประเทศ เป็นคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ คนไปเล่นพนันติดหนี้สิน ชนะก็ไม่ใช่จะรอด ถูกจับเรียกค่าไถ่ สุดท้ายประธานาธิบดีต้องประกาศยกเลิกใบอนุญาตพนันออนไลน์ทั้งหมดภายในเดือน ธ.ค. 2567 และยังไม่ทราบว่าคณะกรรมการที่ดูแลฟอกเงินปลดออกจากแบล็กลิสต์แล้วหรือไม่ ธุรกิจกาสิโนคือเป้าหมายการฟอกเงิน แม้ในชาติตะวันตกที่มีการกำกับดูแลอย่างดี แต่ก็ยังมีพวกฟอกเงินเข้ามา โดยไปซื้อชิปและแลกเป็นเงินสะอาด ซึ่งสุดท้ายจีนเทาคือกลุ่มคนที่จะมาลงทุนในเรื่องนี้ ในบ้านเราในอนาคต มีนักการเมืองคนหนึ่งบอกว่าไม่ต้องตรวจสอบที่มาของเงินที่นำมาเล่นกาสิโน เราจะยอมให้ประเทศเราถูกทำลายตามแนวคิดของนักการเมืองแบบนี้หรือไม่” นางนวลน้อย กล่าว
นางนวลน้อย กล่าวอีกว่า อีกที่คือกัมพูชา ที่มีบ่อนกาสิโนที่เมืองสีหนุวิลล์ เมืองตากอากาศอันดับหนึ่งของเขา แต่ทุกวันนี้กลายเป็นเมืองร้าง เพราะเขาไม่ได้สกรีนคนที่มาลงทุน เมื่อเป็นทุนจีนสีเทามาพร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำผิดกฎหมาย เน้นแต่ความเจริญ สุดท้ายรัฐบาลกัมพูชายอมให้มีพนันออนไลน์ พอไม่มีคนมาเล่น ก็กลายเป็นเมืองร้าง กลุ่มจีนเทาจึงย้ายมาทำกาสิโนที่เมียนมา ในเมียวดีติดชายแดนบ้านเรา ตนคุยกับตำรวจไซเบอร์ไทย เขายอมรับว่า ปอยเปตเป็นแหล่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพนันออนไลน์ วันนี้ตัดไฟทางเมียวดี แต่ทางปอยเปตยังไม่ได้จัดการ ที่สุดจะเป็นปัญหาตามมา
นางนวลน้อย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเคยมีการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 8,000 คน ทั่วประเทศว่า พบว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วยกับการทำกาสิโน คนที่เห็นด้วยมีแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญคือสภาชุดนี้ไม่คิดเรื่องการสอบถามความคิดเห็น หรือการทำประชามติในเรื่องนี้ รวมถึงรัฐบาลเอง ก็ไม่กล้าทำประชามติเรื่องกาสิโน แถมบอกว่าอย่าใช้คำว่ากาสิโน ให้ใช้คำว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะกลัว อย่างไรก็ตาม ถ้าทำกาสิโน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยยังไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้.