เมื่อวันที่ 8 ก.พ. จากกรณี “สส.ปูอัด” นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับ ฐานข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวต่างชาติที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จนเกิดกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

ล่าสุด “เจี๊ยบ” นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ทุกกรณีที่อยู่ในชั้นถูกกล่าวหาแล้วถูกกดดันให้รับผิดชอบลาออก เวลาผ่านไปสุดท้ายพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะชดเชยกันยังไง

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์นางอมรัตน์ พยายามปกป้องและแบก สส.ปูอัด

ต่อมานางอมรัตน์ ได้โพสต์อีกครั้งว่า “ดิฉันไม่ได้ชอบพฤติกรรม สส.ปูอัด ที่ผ่านมา แต่เร็วเกินไปที่จะไปกดดันให้ต้องลาออกเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น มันต่างกรรมต่างวาระก็ต้องมีใจเป็นธรรมและใช้ความรอบคอบตามสมควรก่อนจะไปเร่งกดดันให้ใครลาออก เพราะทุกคนก็ยังไม่เห็นสำนวนหลักฐานและข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา อย่างน้อยก็น่าจะไปให้ถึงชั้นให้อัยการมีคำสั่งฟ้องเสียก่อน นี่เพิ่งชั้นตำรวจ และส่วนตัวก็ไม่ได้ไว้ใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าไหร่ ได้ข่าวว่าออกเป็นหมายจับเลย ข้ามขั้นตอนการออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน และปูอัดก็ควรไปรับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีโดยไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส.”

ล่าสุดเช้านี้ นางอมรัตน์ โพสต์ข้อความชี้แจงเพิ่มอีก โดยบอกว่า “ตอบเรื่องแบกสักหน่อย เอาจริง ๆ ดิฉันก็เหมือนทุกท่าน อยากเห็นคนมีตำแหน่งทางการเมืองทำผิดแล้วออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยเร็วและต้องถูกลงโทษ”

“ควรรีบเข้ามาสู่กระบวนการโดยเร็วไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส.ประวิงเวลา”

“ความต้องการความเป็นยุติธรรมเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์”

“แต่ดิฉันมีพื้นฐานไม่เคยเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทยที่มันเหลวแหลกเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในชั้นต้นคือชั้นตำรวจที่ไม่เคยมีความน่าเชื่อถือ ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด”

“เมื่อถูกใครหรือองค์กรไหนกดดันหน่อยก็เร่งรัดสำนวนมั่ว ๆ ให้พ้นตัวรีบส่งศาลส่งอัยการ เขียนสำนวนรวบรวมหลักฐานให้ผิดเป็นถูกถูกเป็นผิดก็มีให้เห็นนับไม่ถ้วน อย่างเรื่องบอส … และอื่น ๆ มากมาย”

“หลายคดีในเบื้องต้นศาลก็ฟันไปตามสำนวนที่ตำรวจชงมา จับขังไม่ให้ประกันแล้วก็หลุดภายหลัง”

“ผู้บริสุทธิ์กี่คนแล้วเสียอนาคตกับความอยุติธรรมโดยไม่ได้รับชดเชยเยียวยา เรือนจำก็เต็มไปด้วยแพะ อาชญากรตัวจริงกี่คนแล้วที่ลอยนวลและยังเดินลอยหน้าในสังคม”

“อันที่จริงดิฉันก็ไม่ไว้ใจศาลด้วย ทั้งเรื่องสองมาตราฐานและความเป็นอิสระ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ได้แค่เรียกร้องให้ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว”

“กรณีปูอัดแนวโน้มอาจจะผิดจริง แต่ก็อยากให้ใจเย็น ๆ กันนิดหนึ่งเท่านั้น ข่าวใหญ่พาดหัวอะไรตูมตามขึ้นมาก็อย่าเพิ่งด่วนบ้าจี้ตาม”

“ดิฉันรังเกียจกลุ่มนางแบกลูกจ้างที่ได้รับผลประโยชน์ พรรคจะตระบัดสัตย์ผิดสัญญาประชาคมอย่างไร ก็ยังหน้าด้านแบกอย่างไร้สติ ส่งผลให้พรรคตกต่ำลงทุกวัน”

“ถ้าพรรคประชาชนผิดพลาดจากที่สัญญาไว้ ก็จะวิจารณ์และช่วยตรวจสอบอย่างเข้มข้นเท่าที่ทำได้ ให้ปรับปรุง จะได้เป็นความหวังของประชาชน ไม่ดันทุรังแบก”

“แต่กรณี สส.ปูอัด ไม่รู้จะไปแบกให้เมื่อยเพื่ออะไร”

“เพราะปูอัดเป็น สส.พรรคไทยก้าวหน้า ไม่ใช่พรรคประชาชน เขาถูกขับออกไปตั้งแต่สมัยเป็นพรรคก้าวไกลแล้ว”

“ตัวดิฉันเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขา ปูอัดเป็น สส.รุ่น 2 ที่ดิฉันไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่เคยมีเบอร์โทรฯ หรือไลน์กัน”

“ตอนเลือกตั้งปี 66 ก็ไม่เคยไปช่วยหาเสียง รู้แต่ว่าเป็น สส.กทม. จำไม่ได้ว่าเขตไหน เพราะ สส.รุ่นใหม่มีตั้ง 151 คน แก่แล้วจำไม่หมด”

“แค่ดิฉันไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดตามมา ถ้าเราไปด่วนประหารชีวิตใครสักคนทางสังคมและทางการเมืองด้วยเรื่องพาดหัวข่าวสั้น ๆ โดยยังไม่ทันได้ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้ตอบข้อกล่าวหาก็เท่านั้น”

“การไปด่วนชี้หน้าใครถูกผิด หรือประณามหยามเหยียด น่าจะต้องรอให้เรื่องสะเด็ดน้ำกันบ้าง และต้องมีใจเป็นธรรม ไม่ใช้อคติที่มีในใจไปแล้วจากประวัติของเขาด้วย”

“เพราะแม้แต่คนทำผิดครั้ง 1, 2 มาแล้ว ก็อาจไม่ใช่คนผิดในครั้งที่ 3 คนเรามีแนวโน้มจะผิดซ้ำได้ แต่ก็ไม่ใช่จะ 100%”

“รอเวลานิดให้เรื่องเขยิบจากชั้นตำรวจ ไปช่วยกันไล่ออกตอนที่ชั้นอัยการเห็นว่ามีมูลสั่งฟ้องคงจะดีกว่า คงยังไม่ได้สายเกินไป”

“อาจไม่ได้ต้องรอถึงชั้นศาลตัดสินก็ได้เพราะมันคงจะนานเกินไป”

“เขียนมาน่าจะครบถ้วนแล้ว รู้สึกเสียเวลาและเมื่อยนิ้วนิดหน่อย แต่คิดว่าควรตอบเพื่อบันทึกไว้ก่อนจะ move on”