เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ สภ.โนนสูง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชร ผบก.สส.ภ.3 และ พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้ร่วมกันแถลงข่าว ผลการปฏิบัติการตรวจค้นและจับกุมเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ “Tiger24”
พล.ต.ท.วัฒนาฯ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพนันออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเยาวชนและประชาชนเป็นอย่างมาก ตำรวจภูธรภาค 3 จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนพบว่าเว็บไซต์พนันออนไลน์ Tiger24 มีเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันจำนวนมาก และทั่วประเทศ มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดนครราชสีมา และนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, เชียงใหม่ และสระแก้ว
ผลการตรวจค้นพบผู้ต้องหา 10 ราย พร้อมของกลางจำนวนมาก เช่น เงินสด 6,750,000 บาท, รถยนต์ 6 คัน, รถจักรยานยนต์ 3 คัน, กระเป๋าแบรนด์เนม 8 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 14 เครื่อง, แท็บเล็ต 3 เครื่อง, โน้ตบุ๊ก 4 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ PC 1 เครื่อง, ตุ๊กตาแบรนด์เนม 6 ตัว, สมุดบัญชีเงินฝาก 216 เล่ม, บัตร ATM 189 ใบ และอาวุธปืน 1 กระบอก รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท

ผู้ต้องหาที่จับกุมได้จะถูกดำเนินคดีในข้อหา ‘ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, 1 ร่วมกันฟอกเงิน’ และจะได้ขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ท.วัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไป ตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำนโยบายด้านความปลอดภัย ร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีมีอิทธิพล และยาเสพติด พร้อม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแก๊งออนไลน์ข้ามชาติ ผู้ค้ายา ให้หมดไปจากสังคมไทย โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด พร้อมทั้งควบคุมการลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาในประเทศไทย และดึงประชาชนออกจาก วงจรการค้ายาเสพติด อย่างถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” และ Stop & Destroy คือทำลายล้าง S&D ทำลายขบวนการให้สิ้นซาก และตามยึดทรัพย์ทุกราย ตามแนวชายแดน ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน

พล.ต.ท.วัฒนา กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า จากการประเมินสถานการณ์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งออนไลน์ข้ามชาติ ซึ่งขยายฐานจากเมียวดี เมียนมา ติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตากไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน รอยเขตตะเข็บ พื้นที่ภาค 3 ขณะนี้ ตนเอง ได้สั่งการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่รัฐที่คอยอำนวยความสะดวกช่วยเหลือ กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งออนไลน์ ข้ามชาติ ว่าประเทศไทยต้องร่วมมือป้องปราม ปิดกั้น ไม่ให้เป็นบ่อนทำลายความมั่นคง การกินดี อยู่ดี ของพี่น้องประชาชนโดยส่วนรวมโดยเฉพาะ พื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ที่ตนรับผิดชอบอยู่ขณะนี้ พร้อมกับ ยาเสพติดในรอบปี 2568 คาดว่าจะระบาดเข้ามาในประเทศ ขณะที่ยาเสพติดมีราคาถูก และมีผู้เสพเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขกันอย่างแท้จริงและต้องจริงจัง มิฉะนั้นปัญหาเหล่านี้จะก่อให้เกิดผล กระทบ ต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ไม่ว่าทางด้านเศรษฐกิจ สังคม จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน แจ้งสายด่วน 191 หรือโรงพักใกล้บ้านท่าน ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส และขอความร่วมมือจากทุกท่านในการช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจใกล้บ้าน กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งการพนันออนไลน์ตรวจสอบแล้วพบเส้นทางการเงินโยงเครือข่ายไปทั้งประเทศตนเองเห็นว่าหลังจากนี้ ตนเอง ต้อง บูรณาการร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทหารฯ ตำรวจฯ ฝ่ายปกครอง ประชาชนและหน่วยงานที่ มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมบูรณาการป้องปราม ป้องกัน เพื่อสกัด ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งออนไลน์ข้ามชาติหมดไปจากพื้นที่ ภาคอีสานตอนล่างโดยเร็ว

นอกจากนี้ยังได้สั่งเดินหน้ามาตรการเข้ม กวาดล้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กบดานบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา หลังรัฐบาลมีคำสั่งตัดไฟฟ้าที่ส่งไปยังเมียนมาเพื่อกดดันกลุ่มอาชญากรรมดังกล่าว
โดย พล.ต.ท.วัฒนาฯ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจ (สภ.) ในพื้นที่ชายแดน รวมถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานีและสุรินทร์ พร้อมกับชุดชานุมาน ประสานงานร่วมกับกองกำลังสุรนารี เพื่อเฝ้าระวังและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง โดยเน้นการหาข่าวเชิงลึกตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาตั้งเครือข่ายภายในประเทศ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยที่อาจเป็นเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ทราบได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เพียงเฉพาะเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น แต่รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายด้วย
ขณะนี้ กองกำลังสุรนารีได้ร่วมมือกับกองกำลังทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และฝ่ายปกครอง เพื่อปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งดำเนินการตามยุทธการ Seal Stop Save ที่เป็นแนวทางเดียวกับการปราบปรามยาเสพติดที่ตำรวจภูธรภาค 3 กำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้