เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 68 ที่หน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) ลาดหญ้า อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองกำลัง (ผบ.กกล.) สุรสีห์, พ.อ.นพดล ภาคาผล เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) และเสนาธิการกองกำลังสุรสีห์, พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 (ผบ.ร.29) และผู้บังคับหน่วย ฉก.ลาดหญ้า ร่วมกันแถลงผลประชุมสรุปเหตุการณ์การปฏิบัติในการตรวจบริเวณชายแดน 

พ.อ.นพดล กล่าวว่า จุดที่ 1 กองกำลังสุรสีห์ จัดกำลังจาก พล.ร.9 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนด้านทิศตะวันตกระหว่างประเทศไทยและเมียนมา ตั้งแต่ จ.กาญจนบุรี ถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทาง 840 กม. โดยตลอดเส้นแนวชายแดน มีช่องทางเข้า-ออกประเทศรวม 95 ช่องทาง ซึ่งมีช่องทางที่สำคัญ ได้แก่ 1.ช่องทางพระเจดีย์สามองค์ พื้นที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้า  2.ช่องทางพุน้ำร้อน พื้นที่ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นจุดผ่านแดนถาวร โดยพื้นที่ตรงข้ามในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ รัฐกะเหรี่ยง, รัฐมอญ และภาคตะนาวศรี ซึ่งมีเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ คือ เส้นทางหมายเลข 8 วางตัวขนานแนวชายแดน ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 60–80 กม. 

พ.อ.นพดล กล่าวต่อว่า สำหรับโครงสร้างการจัดหน่วย กองกำลังสุรสีห์ มีหน่วยขึ้นตรงหลัก 3 หน่วยฉก. ป้องกันชายแดน ประกอบด้วย หน่วย ฉก.ลาดหญ้า รับผิดชอบพื้นที่ จ.กาญจนบุรี หน่วยฉก.ทัพพระยาเสือ รับผิดชอบพื้นที่ จ.ราชบุรี และ จ.เพชรบุรี และหน่วยฉก.จงอางศึก รับผิดชอบพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และมีหน่วยขึ้นควบคุมทางยุทธการที่สำคัญ ได้แก่ ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 14 ชุดควบคุมกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 และชุดควบคุมกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 โดยได้ร่วมกับส่วนราชการและภาคประชาชน บูรณาการป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบตลอดแนวชายแดนมาอย่างต่อเนื่อง 

พ.อ.นพดล กล่าวว่า และตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายเร่งด่วน มาตรการซีลชายแดน 2 ชั้น ในการสกัดกั้นและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ในเรื่องต่าง ๆ ทั้งในเรื่องยาเสพติด การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การก่ออาชญากรรมออนไลน์ และการค้ามนุษย์ กองกำลังสุรสีห์ จึงได้ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี แบ่งพื้นที่เป็น 2 ชั้น 4 พื้นที่ ได้แก่ ชั้นที่ 1  คือ พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่ต้นน้ำ และในชั้นที่ 2 คือ พื้นที่กลางน้ำ และพื้นที่ปลายน้ำ พร้อมทั้งได้จัดทำมาตรการ ซีลชายแดน 2 ชั้น ของศูนย์สั่งการชายแดนฯ จ.กาญจนบุรี รวม 9 มาตรการหลัก 32 มาตรการย่อย ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการบูรณาการงานด้านการข่าว การป้องกันกระทำผิดกฎหมาย การสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย การคัดกรองการผ่านเข้า-ออกของบุคคล สิ่งของและสิ่งอำนวยความสะดวกในการกระทำผิด การปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย  การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การเพิ่มประสิทธิภาพของจุดตรวจ, การเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และการสื่อสารทางยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ 

พ.อ.นพดล กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ 1 ก.พ. 2568 กองกำลังสุรสีห์ ได้สนับสนุนกำลังเพิ่มเติมให้หน่วย ฉก.ลาดหญ้า เพื่อร่วมทำการลาดตระเวนจรยุทธ์ในพื้นที่เป้าหมายตามแนวชายแดน และตั้งแต่ 10 ก.พ. 2568 เป็นต้นไป กองกำลังสุรสีห์จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม 1 หมวดสกัดกั้นยาเสพติด จากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เพื่อเสริมกำลังคุมเข้ม เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในพื้นที่

ด้าน พ.อ.พรรณศักย์ กล่าวว่า จุดที่ 2 หน่วยฉก.ลาดหญ้า ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จัดกำลังจากกรมทหารราบที่ 29 รับผิดชอบภารกิจป้องกันชายแดนเขต จ.กาญจนบุรี จำนวน 5 อำเภอ รวมระยะทางตลอดแนวชายแดน 365 กม. โดยผลการปฏิบัติภารกิจสกัดกั้นและปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบตลอดแนวชายแดน ในห้วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2567 สรุปได้ดังนี้ การจับกุมผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติด จำนวน 53 ครั้ง ได้ผู้ต้องหา 59 ราย ยึดของกลางเป็นยาบ้า 262,430 เม็ด และเฮโรอีน 25 กก. 

พ.อ.พรรณศักย์ กล่าวอีกว่า การจับกุมผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง จำนวน 79 ครั้ง สามารถควบคุมตัวผู้หลบหนีเข้าเมือง, ผู้ติดตาม และผู้นำพา รวม 940 ราย  อีกทั้ง การจับกุมผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ. อื่น ๆ ได้แก่ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 18 ครั้ง พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ 6 ครั้ง พ.ร.ก.การประมง 1 ครั้ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ 3 ครั้ง พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ 7 ครั้ง และ พ.ร.บ.ศุลกากรฯ 5 ครั้ง รวมทั้งสามารถตรวจยึดยานพาหนะต้องสงสัย ที่คาดว่าจะมีการลักลอบส่งออกนอกราชอาณาจักร รวม 11 ครั้ง

พ.อ.พรรณศักย์ กล่าวด้วยว่า หน่วยฉก.ลาดหญ้า ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองและทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบกระทำผิดต่างๆ โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ฯ พร้อมนำมาตรการยกระดับพื้นที่ชายแดน โดยใช้กลไกหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (อพป.) สร้างส่วนร่วมภาคประชาชนในการดำเนินการต่างๆ อย่างเข้มงวด เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชน