เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวเท่มากความสามารถ สำหรับ “เชียร์ ฑิฆัมพร” ที่มักถูกสังคมจับตามองเรื่องความรักอยู่เสมอ โดยล่าสุดในรายการ เบิ้ล AM หนุ่ม เบิ้ล ปทุมราช ได้ชวนเชียร์ มาเปิดใจ พร้อมเผยเรื่องการเปลี่ยนลุคใหม่ตัดผมสั้น ที่ใครๆ ก็มองว่าเป็นสาวหล่อหรือเปล่า ตอบชัดตอนนี้คบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจริงไหม เผยเคยโดนยกเลิกงานเพราะถูกมองว่าเป็นทอม

เชียร์ เผยว่า “ที่ตัดผมสั้นถ้าพูดแบบจริงจังเลยลุคกับหัวใจมันคนละเรื่องกัน แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมบางคนจะต้องเอามาเป็นเรื่องเดียวกัน คือลุคมันก็คือสไตล์ วันหนึ่งอยากจะโกนผมหรือว่าจะไว้ผมยาว อย่างเบิ้ลจะมาไว้ผมยาวแล้วแบบหันไปชอบผู้ชายมันก็ไม่ใช่ มันไม่เกี่ยวกันจริงๆ คือเรื่องหัวใจ เราก็แค่เปิดใจว่าเราคุยกับใครก็ได้ที่มันสบายใจเฉยๆ อะ คือถ้าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ยินดี หรือถ้าคนนั้นจะเป็นผู้ชาย มันก็คือแค่เรามองหาคนที่สบายใจที่จะคุยเฉย ไม่ต้องแบบ ผู้หญิงอย่างเดียวไม่เอา ก่อนหน้านี้ คือคบผู้ชายแล้วไม่สมหวังแล้วจะคบผู้หญิง มันเหมือนแบบเป็นหวัดแค่กินยาก็หายแล้วเหรอ มันไม่ใช่แบบอยู่ดีๆ มันจะมาเปลี่ยนรสนิยมในความรักอะไรได้ขนาดนั้น”

“แก้ปัญหากับข่าวยังไง มันก็แค่ระวังตัวเรา คือพื้นที่ในการแสดงออกมันแค่เปลี่ยนไป แต่ตัวเราไม่ได้เปลี่ยน เพราะว่าสมัยก่อนอาจจะไม่ได้มีอะไรให้โพสต์ง่ายขนาดนี้ แต่ว่าทุกวันนี้มันก็คือการโพสต์ มันเหมือนแค่เปลี่ยนวิธีการแสดงออกมาเป็นโซเชียล แต่ถ้าส่วนตัว พี่เป็นคนที่ไม่ได้ชอบพูดหรือไม่ได้ชอบทำอะไรที่มันแบบ 1 มันจะต้องเสี่ยงในการถูกพูดถึง 2 คือเรื่องส่วนตัวจริงๆ ก็ไม่ได้ชอบพูด อยู่ดีๆ มานั่งเปิดเรื่องความรัก เอาเรื่องความรักมาพูด หรือแบบวันหนึ่งเราเลิกกับใคร เราต้องมานั่งตอบว่าเราเลิกกับใคร ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องที่มันเจ็บปวด แต่ว่ามันเลี่ยงไม่ได้ข้อ 1 คือธรรมชาติมันเลี่ยงไม่ได้ เอาง่ายๆ เลยนะ คล้ายๆ กับเรื่องอะไรรู้ไหม เรื่องเป็นทอม เหมือนแบบเชียร์กับคำว่าทอมอยู่คู่กันตั้งแต่เข้าวงการ คือพี่ก็แค่บอกว่าพี่ไม่ใช่ แต่มันก็จะมีคนที่แบบจริงเหรออะไรอย่างงี้ แค่รู้สึกว่าเรารู้จักตัวเองดี 2 คือถ้าเรามีการอธิบายหรืออะไรแล้ว ถ้าคนอื่นยังคิดก็แค่ปล่อย มันก็ทำอะไรไม่ได้”

“สำหรับเรื่องที่คบกับผู้หญิง พี่ว่าทุกวันเนี้ยทุกคนแค่มองหาความสบายใจ คือมันมีเรื่องหนึ่งที่แปลกมาก พี่ก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เป็นคำนี้ ซึ่งมันไม่ได้มีผลกระทบกับตัวเรา นึกออกปะ เพราะเรารู้ว่าตัวเรา เรารู้จักตัวเราแล้วกันว่าเราเป็นยังไง แต่เพิ่งมารู้เหมือนกันว่าคำนี้มันมีผลกระทบยังไง ล่าสุดอะ มันมีครั้งหนึ่งที่พี่สัมภาษณ์เรื่องความรักว่าพี่เปิดใจ พร้อมที่จะคุยกับคนสักคน โดยที่เค้าเป็นผู้หญิง แต่มันคือความสบายใจ มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเพศหรือไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอะไร วันนี้ต่อให้คนนั้นเป็นผู้ชาย แต่เราสบายใจที่จะพูดคุยเราก็ยินดีที่จะเปิดใจคุยกับเขาเหมือนกัน พี่พูดชัดเจนมาก แล้วมีงานอีกงานหนึ่งที่ติดต่อเราไว้แล้ว พอดีแบบบังเอิญไปทราบมาแล้วมีเหมือนเป็นอาจจะเป็นผู้ใหญ่ แบบว่าดูงานนี้หรืออะไรสักอย่าง เค้าบอกว่าเค้าไม่อยากได้พี่เพราะเป็นทอม จะยกเลิก มันแค่การสัมภาษณ์อันเดียวของพี่เลย คือก็เลยแบบแค่ไม่เข้าใจในการให้คุณค่าของงาน หรือการให้คุณค่าของคน ถ้าวันนี้คุณพี่จะยกเลิกงานเชียร์เพราะเรื่องแค่นี้จริงๆ ไม่ติดเลย แต่ว่าอยากจะฝากอะไรถึงคุณพี่สักนิดหนึ่ง คือแค่รู้สึกว่าถ้าสมมุติวันหนึ่งลูกหลานของพี่เองหรือคนที่เรารู้จัก ถ้าจะโดนยกเลิกงานหรือโดนไม่ให้โอกาสในการทำงานด้วยคำที่ว่าเขาเป็นทอมหรือเขามีความหลากหลาย เป็นเกย์เป็นอะไรที่เป็นเพศอื่น ก็แค่อยากให้คุณพี่เขาคิดสักนิดหนึ่งว่ามันเป็นสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับอย่างนั้นหรือเปล่า หรือมันเป็นเรื่องที่ต้องเอามาตัดสินในการทำอะไรบางอย่างหรือเปล่า เพราะเชียร์ก็รู้สึกว่าไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนี้แล้วกัน ตอนนี้เปิดใจ มีคนคุยเป็นผู้หญิง ตัดสินใจมาคุยกับผู้หญิงไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่แค่สบายใจ”

ขอบคุณภาพประกอบจากรายการเบิ้ล AM