เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ก.พ. 68 ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว และ พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.ปส. พร้อมด้วย นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และ พล.ท.ราจน์ กอรี รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการสกัดกันและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลปฏิบัติการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล “Seal Stop Safe”

ผลการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด มีการจับกุมดังนี้ 1.ภาคเหนือ บก.ปส.3 มีการเฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคเหนือตอนบน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย ที่อยู่ในเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ สามารถยึดของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 15,600,000 เม็ด 2. ภาคเหนือตอนล่าง บก.สกส. มีการเฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคเหนือตอนล่าง สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ที่อยู่ในกลุ่มชนเผ่าในพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมยึดของกลางที่อำพรางโดยใช้กะหล่ำปลีปิดบังเต็มกระบะ เป็นยาบ้าจำนวน 12 ล้านเม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินของกลางอีกประมาณ 1,625,000 บาท และ 3. ภาคอีสาน บก.สกส. ได้มีการเฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคอีสาน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ขณะกำลังลำเลียงยาเสพติดมุ่งหน้าจาก จ.นครพนม ไปพื้นที่ จ.สกลนคร พร้อมยึดของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 4 ล้านเม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินของกลางประมาณ 660,000 บาท

ผลการตัดตอนสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงใต้ มีการจับกุมดังนี้ 1.บก.ปส.4 มีการเฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ขณะลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ จ.ชุมพร ยึดของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 900,000 เม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินของกลางประมาณ 1,500,000 บาท 2.บก.สกส. มีการเฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย ขณะกำลังจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลางไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ ตรวจยึดของกลางเป็นไอซ์ 234 กก. ตรวจยึดทรัพย์สินของกลางประมาณ 1,460,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีผลจับกุมผู้ค้ารายสำคัญที่น่าสนใจอีก 4 คดี คือ บก.สกส. มีการเฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคเหนือ คดีที่ 1 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย และตรวจยึดยาบ้าได้ 297,934 เม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินของกลางประมาณ 820,000 บาท คดีที่ 2 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ยึดไอซ์ได้ 200 กก. ตรวจยึดทรัพย์สินของกลางประมาณ 3.2 ล้านบาท บก.ปส.3 เฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคเหนือตอนบน คดีที่ 3 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ยึดยาบ้าได้จำนวน 2,544,000 เม็ด และ บก.ปส.4 เฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคอีสาน คดีที่ 4 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ยึดยาบ้าได้จำนวน 1,994,000 เม็ด 

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่จะมีมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับผู้แจ้งข่าวอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อได้ข้อมูลมาก็ต้องรักษาไว้ เพราะเป็นจุดสำคัญ ดังนั้นขอให้มั่นใจว่าเราจะดูแลอย่างเต็มที่ และข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับ ส่วนมาตรการป้องกันตามตะเข็บชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานที่พบว่ามีการลำเลียงขนยาเสพติดผ่านแม่น้ำโขงนั้น ก็จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการตรวจตรา และหาความร่วมมือจากภาคประชาชนด้วย ส่วนในเรื่องของอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้ในการตรวจจับ ก็จะเป็นเรื่องของทางรัฐบาลที่จะคอยทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่จากการที่หลายหน่วยงานร่วมบูรณาการกันในการปราบปรามยาเสพติดเพียงระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน พบว่าผลงานที่ออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดี และเชื่อว่าอนาคตจะดียิ่งขึ้น

ถามต่อว่า เอกชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ติดชายแดน หากพบว่ามีการใช้กระบวนการลักลอบคนข้ามประเทศ จะมีการประสานเอกชนและมีการปราบปรามอย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า หากพบว่าใครที่เกี่ยวพันกันจะจัดการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เอกชน หรืออะไรก็ตาม เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นภัยร้ายแรงที่เป็นภัยความมั่นคงของประเทศ ฉะนั้นอะไรที่ตรวจสอบพบได้ชัดเจนจะจัดการอย่างเด็ดขาด.