คณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์สำคัญของพรีเมียร์ลีก เปิดเผยว่า มีข้อผิดพลาดจากวีเออาร์ (VAR) ทั้งหมด 13 ครั้ง ในฤดูกาลนี้ ลดลงจากสถิติ 20 ครั้ง ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อมูลจนถึงเดือน ม.ค. นี้ และมีการตัดสินผิดพลาดจาก VAR 4 ครั้ง ที่มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสินในสนาม หนึ่งในนั้นคือเกมสุดท้ายของ เทน ฮาก ที่พาผีแดงพ่าย และมี 9 กรณีที่ VAR ควรแทรกแซงแต่พลาดไป ใน 23 นัดแรกของฤดูกาล
พรีเมียร์ลีกเปิดเผยว่า อัตราความถูกต้องของ VAR อยู่ที่ 96.4% เพิ่มขึ้นจาก 95.7% ในช่วงเวลาเดียวกันของฤดูกาลที่แล้ว และจนถึงขณะนี้ มีการใช้ VAR ทั้งหมด 70 ครั้ง จากการแข่งขัน 239 นัด คิดเป็นค่าเฉลี่ยประมาณหนึ่งครั้งต่อทุก ๆ 3.41 เกม นอกจากนี้ รายละเอียดของข้อผิดพลาดบางส่วน ยังถูกเปิดเผยในรายงานด้วย

ข้อผิดพลาดแรกเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม เมื่อ ดันโก อัวตารา ทำประตูให้บอร์นมัธในเกมพบกับนิวคาสเซิล แต่ถูก VAR ตัดสินให้เป็นแฮนด์บอล และไม่ให้เป็นประตู หลังจากที่ผู้ตัดสิน เดวิด คูต ให้ประตูลูกนี้ในสนาม อย่างไรก็ตาม พรีเมียร์ลีกตัดสินว่าประตูนี้ควรได้รับการยอมรับ
ข้อผิดพลาดที่ 2 เกิดขึ้นในเกมที่ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายเวสต์แฮม เมื่อวันที่ 27 ต.ค. โดยมีการให้จุดโทษเวสต์แฮมจากจังหวะที่ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ถูกตัดสินว่าทำฟาวล์ จน จาร์ร็อด โบเวน ยิงจุดโทษเข้าไป ทำให้เวสต์แฮมชนะ 2-1 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของ เอริก เทน ฮาก ในฐานะกุนซือผีแดง ผู้ตัดสิน เดวิด คูต ไม่ได้ให้จุดโทษในสนาม แต่ ไมเคิล โอลิเวอร์ แนะนำให้ตรวจสอบ VAR และหลังจากรีวิวแล้ว คูตให้จุดโทษ ซึ่งต่อมาถูกตัดสินว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
ข้อผิดพลาดที่ 3 เกิดขึ้นในเดือน พ.ย. เมื่อ คริสเตียน นอร์การ์ด ถูกไล่ออกจากสนามในเกมที่ เบรนท์ฟอร์ดพบกับเอฟเวอร์ตัน ซึ่งในภายหลังถูกยกเลิกการให้ใบแดง ที่ผู้ตัดสิน คริส คาวานาห์ ไม่ได้ให้แม้แต่ฟรีคิกในจังหวะดังกล่าว แต่ VAR แมตต์ โดโนฮิว แนะนำให้มีการตรวจสอบ และหลังจากนั้น นอร์การ์ด ก็ถูกไล่ออก เกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 0-0

ส่วนข้อผิดพลาดสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ในเกมที่ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ชนะเซาแธมป์ตัน 3-2 ซึ่ง นิโคลา มิเลนโควิช ทำประตูด้วยลูกโหม่ง และผู้ตัดสิน แอนโธนี เทย์เลอร์ ตัดสินให้เป็นประตู อย่างไรก็ตาม VAR แกรม สก็อตต์ แนะนำให้ตรวจสอบ เนื่องจาก คริส วูด ซึ่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า อาจมีส่วนร่วมในการเล่น ส่งผลให้ประตูถูกยกเลิก แต่ในภายหลังถูกตัดสินว่าการยกเลิกประตูนั้นเป็นความผิดพลาด
โทนี สโคลส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายฟุตบอลพรีเมียร์ลีก กล่าวด้วยว่า “ไม่มีใครที่นี่ประเมินค่าความสำคัญและผลกระทบของข้อผิดพลาดเพียงครั้งเดียวต่ำเกินไป เรารู้ดีว่าข้อผิดพลาดเพียงครั้งเดียว อาจสร้างความเสียหายให้กับสโมสร แต้มและผลการแข่งขันอาจส่งผลต่ออนาคตของผู้จัดการทีม และอาจทำให้ผู้เล่นบางคนเสียตำแหน่งในทีม เราทุกคนมีความรับผิดชอบในการแสดงความคิดเห็นอย่างสมดุล เราไม่สามารถปล่อยให้ผู้ตัดสิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของลีกที่ประสบความสำเร็จและน่าตื่นเต้น ต้องเผชิญกับการถูกโจมตีในบางโอกาสได้ พวกเขาเป็นผู้ตัดสินที่มีคุณภาพ ผมรู้ว่าหลายคนอาจไม่ได้มองเช่นนั้นเสมอไป แต่ทั่วโลกต่างยอมรับว่าพวกเขามีความสามารถสูง”
นอกจากนี้ สโคลส์ ยังกล่าวว่า มีความคืบหน้าอย่างมาก เกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติในช่วง 4-6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ก่อนหน้านี้ คาดหวังว่าเทคโนโลยีนี้ ซึ่งถูกนำมาใช้แล้วในระดับโลกและยุโรป จะพร้อมใช้งานตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ยังมีโอกาสที่จะถูกนำมาใช้ภายในฤดูกาลนี้ และลีกหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดเวลาการตรวจสอบจังหวะล้ำหน้าได้โดยเฉลี่ย 31 วินาที
“เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ช่วยเพิ่มความแม่นยำ แต่มันทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำไมคุณถึงไม่ใช้มัน หากคุณมั่นใจอย่างเต็มที่ว่ามันพร้อมแล้ว?” สโคลส์ กล่าว
ภาพ AFP