เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 68 พ.ต.อ.ภัควัฒน์ วันสนุก ผกก.สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเหตุระเบิดบริเวณที่จอดรถหน้าอาคาร สภ.ศรีสาคร ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายใน สภ.ศรีสาคร ต่างพากันแตกตื่นเสียงดังกล่าว และพบว่ารถกระบะ โตโยต้า สีดำ ทะเบียน กฉ 4006 ยะลา ซึ่งเป็นของ จ.ส.ต.ซุลกิฟลี เจ๊ะมามะ 32 ปี ได้รับความเสียหายและมีควันจำนวนหนึ่งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่วนที่บริเวณกระบะบรรทุกหลังมีลักษณะคล้ายถูกอานุภาพของระเบิด ได้รับความเสียหายจนกระบะหลังฉีกขาดและชิ้นส่วนต่างๆ ของรถหลุดออกมา

ต่อมา พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พ.ต.อ.นิยม สุวรรณคง ผกก.สส.ภ.จว.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรุดเดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 2 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล ซึ่งไม่มีสะเก็ดระเบิด คาดว่าคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องไปผูกไว้กับแชสซีใกล้ซุ้มล้อบังโคลนด้านซ้าย เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน จ.ส.ต.ซุลกิฟลี เจ้าของรถกระบะ ทราบว่า เมื่อวานหลังจากเลิกงานได้ขับรถยนต์กลับบ้านพักในพื้นที่บ้านจือแรอีนอ หมู่ 2 ต.ศรีสาคร และได้จอดรถไว้บริเวณที่จอดรถตามปกติ ตื่นเช้ามาได้ขับรถยนต์ไปส่งลูกที่โรงเรียนศรีสาครวิทยา และเลยไปส่งภรรยาทำงานที่โรงพยาบาลศรีสาคร จากนั้นได้ขับรถยนต์ไปจอดที่บริเวณที่จอดรถหน้าอาคาร สภ.ศรีสาคร ให้หลังประมาณ 10 นาที จึงเกิดระเบิดดังขึ้น
จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่บริเวณลานจอดรถภายในที่ว่าการ อ.ยี่งอ ซึ่งมีรถยนต์ เอ็มจี ทะเบียน กฉ 853 นราธิวาส ของนายอับดุลมูรีด อีลา ปลัดอำเภองานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายทั้งคัน เหตุเกิดในช่วงเวลา 09.20 น.ของวันเดียวกันนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่า คนร้ายได้นำระเบิดชนิดและขนาดเดียวกัน ไปผูกหรือแปะไว้บริเวณใต้ท้องรถใกล้กับถังน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องตกอยู่บริเวณใต้ท้องรถ แต่สภาพโครงสร้างของรถอยู่ในสภาพโดยรวมสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวน ทราบว่า นายอับดุลมูรีด อีลา ปลัดอำเภองานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อ.ยี่งอ ทราบว่า เมื่อวานที่ผ่านมาได้ขับรถยนต์กลับบ้านตามปกติ โดยจอดไว้ที่บริเวณลานจอดรถที่ไม่มีรั้วรอบขอบชิดมากนัก เมื่อตื่นเช้ามาก็ได้ขับรถมาทำงานตามปกติ โดยไปจอดไว้ที่บริเวณลานจอดรถภายในอำเภอ เมื่อผ่านไป 10 นาที มีคนได้ยินเสียงดังปลั๊บแต่ไม่ดังมากนัก แล้วจู่ๆ ไฟได้ลุกไหม้รถยนต์อย่างรวดเร็ว ตนตกใจจึงได้รีบแจ้งผู้ใต้บังคับบัญชาให้เอารถดับเพลิงมาทำการฉีดน้ำดับไฟ จนสงบลงในเวลาต่อมา
นายอับดุลมูรีด อีลา ปลัดอำเภองานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อ.ยี่งอ กล่าวว่า ตนนำรถที่จมน้ำไปซ่อมที่อู่แถว ณ นคร อ.เมืองนราธิวาส หลังจากนั้นรถยนต์ของตนไปชนวัว แล้วนำไปซ่อมที่อู่เดิม ซึ่งผ่านมา 2 เดือนแล้วกลับนำมาใช้โดยที่ไม่ได้เข้าซ่อมอีกเลย ที่บ้านไม่มีรั้วขอบชิดมีเพียงแต่ไว้กันวัว โดยปกติจะจอดรถไว้บริเวณนอกบ้านแบบโล่งๆ โดยรถตนเป็นรถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งตนซื้อมาใช้ประมาณ 3 ปี ช่วงนั้นทำงานอยู่ที่ศรีสาคร ช่วงปี 63 ถ้าจำไม่ผิดเป็นรถมือหนึ่งที่ซื้อมาใช้

นายกิตติพงษ์ อำพันธ์ นายอำเภอยี่งอ กล่าวว่า ส่วนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงประมาณ 09.20 น. เป็นรถของปลัดอำเภอ ตอนนี้ได้ให้ไปลงประจำวันไว้ ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าไปซ่อมรถมา 2 เดือนที่ผ่านมาแล้วเอามาใช้ รถก็มีระบบไฟที่มีปัญหาอยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอเจ้าหน้าที่อีโอดีมาพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด
ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถามกับเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีนายหนึ่ง ทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2 จุด ใช้ระเบิดแสวงเครื่องไม่ใหญ่หรือหนักมากนัก ประมาณ 2 กิโลกรัม ไม่มีเศษสะเก็ดระเบิด และจุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล ซึ่งจุดที่ อ.ศรีสาคร ไปผูกไว้กับแชสซีใกล้ซุ้มล้อบังโคลนด้านซ้าย ส่วนจุดที่ อ.ยี่งอ ไปผูกหรือแปะไว้บริเวณใต้ท้องรถใกล้กับถังน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทั้ง 2 จุด ถ้าตรวจสอบตามปกติที่ใช้กระจกมองผ่านไปยังใต้รถเจ้าหน้าที่ ผู้ตรวจสอบจะมองไม่เห็น และการก่อเหตุของคนร้ายในครั้งนี้ คนร้ายจะใช้วิธีเมื่อเจ้าของรถยนต์จอดทิ้งไว้ จะแอบนำระเบิดมาผูกหรือแปะไว้ ซึ่งเชื่อว่าเจ้าของรถยนต์ไม่สามารถทราบได้ว่าตนเองถูกปองร้าย แต่โชคดีที่เจ้าของรถไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต