สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่า สหรัฐเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของดับเบิลยูเอชโอ และการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิก จะทำให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ในงบประมาณขององค์กร และความสามารถในการตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านสาธารณสุขทั่วโลก

“เรารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจดังกล่าว และหวังว่าสหรัฐจะพิจารณาทบทวนใหม่” นพ.เทดรอส กล่าวในช่วงหนึ่งของการเปิดการประชุมคณะกรรมการบริหารของดับเบิลยูเอชโอ

อนึ่ง นพ.เทดรอส แสดงความไม่เห็นด้วยต่อคำกล่าวอ้างของทรัมป์ ในคำสั่งฝ่ายบริหารที่นำสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกดับเบิลยูเอชโอ ซึ่งระบุว่า ดับเบิลยูเอชโอประสบความล้มเหลวในการปฏิรูปที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ดับเบิลยูเอชโอดำเนินการปฏิรูปที่ลึกซึ้งและครอบคลุมที่สุด ในประวัติศาสตร์ขององค์กร

นอกจากนี้ นพ.เทดรอส ยังพูดถึงคำกล่าวหาของทรัมป์ที่ว่า ดับเบิลยูเอชโอทำตัวเป็นภาระ และเรียกร้องเงินสนับสนุนจากสหรัฐอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งเขาเน้นย้ำว่า องค์กรกำลังทำงานเพื่อขยายฐานผู้บริจาค รวมถึงตอบโต้เรื่องการจัดการการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผิดพลาดด้วย

แม้นพ.เทดรอส ยอมรับว่าดับเบิลยูเอชโอมีจุดอ่อน และเผชิญกับความท้าทาย แต่เขายืนกรานว่า องค์กรดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และจัดตั้งหน่วยงานใหม่หลายแห่งเพื่อปรับปรุงการตอบสนอง พร้อมกับเสริมว่า ดับเบิลยูเอชโอมีความเป็นกลาง และพยายามให้บริการแก่ทุกประเทศ.

เครดิตภาพ : AFP