ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (3 ก.พ. 68) ปรับลดลงทันที 40 จุด ตั้งแต่เปิดตลาดภาคเช้า ทำให้ดัชนีหลุด 1,300 จุดในรอบ 6 เดือน และระหว่างวันลดลงไปต่ำสุด 43 จุด ก่อนที่จะมีการเข้าซื้อขึ้นมาเล็กน้อย เป็นผลจากตลาดวิตกกังวลในหลายเรื่อง ทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมา และคาดการณ์งบของบริษัทใหญ่ เช่น เดลต้า ไตรมาส 4 ปี 67 น่าจะออกมาไม่ได้ดีนัก รวมทั้งเป็นผลจากนโยบายตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐที่ทำให้ภาพรวมของเอเชียไม่ได้ดี

ขณะที่ราคาทองคำฟื้นตัวและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่องจากวันที่ 1 ก.พ. 68 โดยปรับขึ้นมาทันที 150 บาทในช่วงเปิดตลาด จากนั้นในช่วงบ่ายปรับขึ้นอีก 250 บาท และลดลง 50 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 44,850 บาท ขายออกบาทละ 44,950 บาท และทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 44,039.80 บาท และขายออกบาทละ 45,450 บาท จากนโยบายทรัมป์และสงครามการค้า ที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าลงทุน

นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากนโยบายการขึ้นภาษีจีน แคนาดา แม็กซิโก ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และมีโอกาสจะขึ้นภาษีประเทศในอาเซียน ซึ่งไทยกับเวียดนามคงเป็นเป้าหมายหลักของสหรัฐ และในที่สุดสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานสหรัฐ จะราคาแพง และคนที่ได้รับผลกระทบที่สุดก็คือ คนชั้นกลางที่สนับสนุนนโยบายดังกล่าว ซึ่งในสายตาของนักเศรษฐศาสตร์ มองว่าเป็นนโยบายที่ขัดแย้งกัน โดยที่ทรัมป์ต้องการให้เงินดอลลาร์อ่อน แต่นโยบายทำให้ดอลาร์แข็ง

ทั้งนี้ หากมีการขึ้นภาษีประเทศไทย จะทำให้ส่งออกไปสหรัฐไม่ได้ และจีนเองก็ส่งออกไปสหรัฐไม่ได้ ทำให้เข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น ฉะนั้นทิศทางอนาคตของไทย คือการวางจุดยืนทางการเมืองและทางยุทธศาสตร์สำหรับดิสรัปชั่นทางด้านภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ เพราะเห็นได้ชัดว่าสหรัฐไม่สนใจองค์การการค้าโลก และสหประชาชาติ และมีการขึ้นภาษีไปก่อนเพื่อเรียกมาเจรจา ฉะนั้นอนาคตไทยปีนี้สำคัญมาก ภาครัฐกับเอกชนต้องจับมือกัน และตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลสำหรับเจรจากับสหรัฐ โดยตั้งหลายๆ คน เพื่อไปเจรจาในแต่ละเรื่อง อาทิ เรื่องการค้า พลังงาน สุขภาพ

“การตั้งผู้แทนเราต้องเข้าใจการเมืองของสหรัฐ และต้องคิดกันแล้วว่าจะตั้งล็อบบี้ยิสต์หรือไม่ เพื่อช่วยเปิดประตูเข้าไปเจรจา เพราะล็อบบี้ยิสต์ในกฎหมายในสหรัฐ ถูกต้องทุกประการ บริษัทใดไปล็อบบี้ยิสต์ให้เรา จะต้องจดทะเบียนประกาศโดยกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องโปร่งใส ขณะที่ไทยมองเป็นเรื่องคอร์รัปชั่น”