สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวหลังการพบหารือกับประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาว์ม ผู้นำเม็กซิโก “ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นมิตร” เขาตัดสินใจระงับการขึ้นภาษี 25% ต่ออีกฝ่าย เป็นเวลา 30 วัน จากเดิมที่จะมีกำหนดในวันที่ 4 ก.พ. นี้
ทรัมป์เปิดเผยว่า ไชน์บาว์มให้คำมั่นส่งทหารเม็กซิกัน 10,000 นาย ลงพื้นที่ประจำการตามแนวพรมแดนทางเหนือของประเทศ ที่ติดกับสหรัฐ เพื่อสกัดกั้นผู้อพยพผิดกฎหมาย และความพยายามของแก๊งค้ายาเสพติด ในการลำเลียงเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐ
BREAKING: Mexico has agreed to deploy 10,000 troops to the U.S.-Mexico border in exchange for a one-month delay on President Donald Trump's threatened tariffs. pic.twitter.com/mPmnaNXHMB
— Fox News (@FoxNews) February 3, 2025
ขณะที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ผู้นำแคนาดา กล่าวว่า มีการสนทนาทางโทรศัพท์ “ด้วยบรรยากาศฉันมิตร” กับทรัมป์ และมีการตกลงร่วมกันว่า ทั้งสองประเทศจะระงับการใช้มาตรการภาษีต่อกัน เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน โดยในระหว่างนี้ แคนาดาจะจัดสรรงบประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 30,506.37 บาท) เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมพรมแดนทางใต้ ที่ติดกับภาคเหนือของสหรัฐ ที่รวมถึงการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมพรมแดนจากปัจจุบัน 8,500 นาย เป็น 10,000 นาย
I just had a good call with President Trump. Canada is implementing our $1.3 billion border plan — reinforcing the border with new choppers, technology and personnel, enhanced coordination with our American partners, and increased resources to stop the flow of fentanyl. Nearly…
— Justin Trudeau (@JustinTrudeau) February 3, 2025
นอกจากนี้ ทรูโดเปิดเผยว่า ได้ลงนามในคำสั่งการด้านข่าวกรอง เพื่อจัดการกับองค์กรอาชญากรรม ที่รวมถึงการจัดสรรงบประมาณเพิ่มอีก 200 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 4,693.29 ล้านบาท) เพื่อสกัดกั้นการขนส่งยาเสพติดข้ามพรมแดน
ทั้งนี้ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตั้งกำแพงภาษีสินค้าของแคนาดาและเม็กซิโกเกือบทุกประเภท ในอัตรา 25% โดยเชื้อเพลิงของแคนาดาจะใช้อัตราภาษี 10% เริ่มวันที่ 4 ก.พ. เนื่องจากทั้งสองประเทศ “ยังคงไม่ขับเคลื่อนนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ” ในการควบคุมพรมแดนที่ติดกับสหรัฐ.
เครดิตภาพ : AFP