สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ว่า ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ผู้นำแอฟริกาใต้ ลงนามในร่างกฎหมายที่ระบุว่า รัฐบาลอาจไม่จ่าย “ค่าชดเชย” สำหรับที่ดินซึ่งถูกเวนคืนเพื่อสาธารณประโยชน์ นั้น

ทรัมป์เขียนบนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล ว่า แอฟริกาใต้กำลังยึดที่ดิน และปฏิบัติต่อคนบางกลุ่มอย่างเลวร้ายมาก และ “ผมจะตัดเงินทุนทั้งหมดในอนาคตที่มอบให้กับแอฟริกาใต้ จนกว่าการสอบสวนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้จะเสร็จสิ้น!”

ทั้งนี้ รัฐบาลพริทอเรียย้ำว่า ร่างกฎหมายใหม่จะไม่อนุญาตให้มีการยึดทรัพย์สินโดยพลการ และต้องมีการหาข้อตกลงร่วมกับเจ้าของก่อน ขณะที่ผู้ไม่เห็นด้วยบางกลุ่ม หวาดกลัวเหตุการณ์ซ้ำรอยกับในซิมบับเว ซึ่งรัฐบาลทำการยึดฟาร์มเชิงพาณิชย์จากคนผิวขาว และไม่จ่ายเงินชดเชยใด ๆ หลังจากได้รับเอกราชในปี 2523

ต่อมา ทรัมป์กล่าวว่า “ผู้นำของแอฟริกาใต้กำลังทำเรื่องเลวร้ายมากมาย” แต่ไม่ให้รายละเอียดใด ๆ พร้อมระบุว่า สหรัฐกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน

การเป็นเจ้าของที่ดินเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในแอฟริกาใต้ เนื่องจากที่ทำกินส่วนใหญ่ตกเป็นของคนผิวขาวมาถึง 3 ทศวรรษ หลังยุคการแบ่งแยกสีผิวสิ้นสุดลง และตั้งแต่นั้นมา ศาลที่ดินได้ตัดสินข้อพิพาทเรื่องที่ดินจำนวนหนึ่ง เพื่อคืนที่ดินให้กับเจ้าของที่เคยถูกขับไล่ออกไปก่อนหน้านี้

ตามข้อมูลของรัฐบาลแอฟริกาใต้ พ.ร.บ.ที่ดินสำหรับชนพื้นเมืองปี 1913 (พ.ศ. 2456) ส่งผลให้ครอบครัวชาวผิวสีหลายพันครอบครัวถูกขับไล่ออกจากที่ดินของตน เพราะการปกครองแบบการแบ่งแยกสีผิวในยุคล่าอาณานิคม.

เครดิตภาพ : AFP