เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่ม สว.เพื่อประชาชน ที่อยู่ในบัญชี สว.สำรอง รวมกลุ่มกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความเชื่องช้า เข้าทวงถามความคืบหน้าในการตรวจสอบคำร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร สว. การจัดการเลือกตั้ง สว. ที่ไม่สุจริต และเที่ยงธรรม จำนวน 570 เรื่องร้องคัดค้าน เพราะเห็นว่าผ่านมา 8 เดือนแล้ว โดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ซึ่งมีชื่อในบัญชี สว.สำรอง ระบุว่า มีการทวงถาม กกต. มาโดยตลอด ได้คำตอบแค่ว่า กำลังดำเนินการ โดย 200 กว่าเรื่องยุติการตรวจสอบ ส่วนเรื่องที่เหลืออยู่ 300 เรื่อง กับเวลาอีกแค่ 90 กว่าวัน ไม่รู้ว่า กกต. จะสามารถทำให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมได้หรือไม่

“เราเอาหลักฐานเป็นพยานบุคคล พยานต่างๆ มาป้อน กกต. อย่างล้นเหลือ เราได้ทวงถามมาโดยตลอด ได้คำตอบเพียงว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ จึงไม่มั่นใจว่า กกต. จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึง 90 วัน ดำเนินการได้อย่างสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ เรื่องเหล่านี้ไม่น่ายืดเยื้อมาถึงตรงนี้เลย”

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เรื่องนี้ส่งผลไปถึง สว. ที่ได้รับรองในสภา เห็นได้ชัดว่า สว. ในสภา ล้วนแล้วแต่ชัดเจนว่ามาจากคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลต่อการพิจารณากฎหมายและแต่งตั้งกรรมการในองค์กรอิสระในอนาคต ที่อาจจะไม่เป็นอิสระอีกต่อไป ซึ่งมันจะเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย จึงเรียกร้องให้ กกต. ได้กระวีกระวาด เพราะเราลงความเห็นกันว่า กกต. ดำเนินการล่าช้า เหมือนเต่าเดิน หาก กกต. ทำไม่ได้ ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นคนตรวจสอบและดำเนินคดีแทน ซึ่งทางกลุ่มจะไปดีเอสไอภายในสัปดาห์หน้า

ผู้สื่อข่าวรายว่า ในระหว่างการแถลงข่าว กลุ่มคณะ สว.สำรอง ได้นำรูปปั้นเต่าวางบนสเกตบอร์ด เพื่อเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่า กกต. ทำงานด้วยความล่าช้าในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนต่างๆ พร้อมชูป้ายข้อความ “ทุกคนรู้ โลกรู้ กกต. ไม่รู้”, “ตรวจสอบเลือก สว. ทุจริตและเที่ยงธรรม กี่โมง”  รวมถึงข้อความ “กกต.ทำไม่ได้ ให้ DSI ทำเถอะ” โดยทางกลุ่ม สว.สำรอง ระบุจะให้เวลา กกต. 1 สัปดาห์ในการตรวจสอบ หากไม่มีการเคลื่อนไหว ก็จะยกระดับการขับเคลื่อนเพิ่มขึ้น โดยหวังว่า กกต. จะรับลูกและทำการตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมา ดำเนินการค่อนข้างล่าช้า ก่อนจะร่วมกันตะโกนว่า “กกต.กี่โมง”

ขณะเดียวกัน นายพิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร สว.สำรองลำดับที่ 1 ของกลุ่ม 16 กลุ่มศิลปวัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา ที่มาร่วมร่วมยื่นคำร้อง ได้ร้องเพลง “พิสุทธิ์” ที่มีเนื้อร้องว่า “อยากจะเป็นกำลังสำคัญ ทุกคืนวันเติบโตช้าๆ ก็ไม่หวั่นบุกบั่นแม้ฟันฝ่า ตอบแทนแดนดินเมืองไทย” และตะโกนถ้อยคำเป็นท่วงทำนองเพลงว่า “พลเมืองดี มีอุดมการณ์ ใครที่มันทำระยำไว้ ต้องสอยมันลงมาไหม สอยมันลงมา”  

นายพิสุทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนเคยยื่นคำร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติ สว. ที่มีคนถือหุ้นสื่อ แต่ กกต. กลับยกคำร้อง จึงมีความสงสัยว่าสาเหตุที่ยกคำร้องเป็นเพราะอะไร นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ตรงกับความเป็นจริง

“สว. ในสภาคนหนึ่ง เขาบอกว่านักฟุตบอลอาวุโส ผมก็ไปเปิดดูพบว่าเขาเป็นนักฟุตบอลอาวุโส ตั้งแต่อายุ 17 ปี ก็อยากให้พี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องที่รักทุกคนลองสืบดู ดีเอสไอครับ ช่วยพวกเราด้วยครับ ช่วยทำความจริงให้กระจ่างด้วย” นายพิสุทธิ์ กล่าว

ด้าน นางศิริวรรณ คูอัมพร สำรอง สว.อันดับ 1 กลุ่ม 13 ผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม กล่าวว่า เรามาติดตามการทำงานของกกต.เป็นครั้งที่ 5 แล้ว แต่กลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ทำให้มองได้ว่า เป็นการประวิงเวลาหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีกลุ่ม 13 ซึ่งมีผู้ร้อง 1 คน มาร้องผู้สมัครกลุ่ม 13 ทั้งหมดทั่วประเทศรวม 147 คน ว่า ไม่มีคุณสมบัติที่จะลงสมัครรับเลือก สว. แล้วทาง กกต. ก็ดันเรียกทั้งหมดมาให้ข้อมูลทีละคน คนละหลายรอบ อย่างเช่นตนก็ถูกเรียกมาให้ข้อมูลเรื่องนี้ถึง 3 ครั้ง แต่กลับไม่สอบถามข้อมูลคนที่ร้องว่ามีข้อมูลหลักฐานอะไร ถึงบอกว่าผู้สมัครทั้ง 147 คน ไม่มีคุณสมบัติ คือทาง กกต. ทำงานช้า แต่กลับปล่อยให้คนที่มีปัญหาข้อทักท้วงเรื่องคุณสมบัติจริงๆ เข้าไปนั่งทำงานอยู่ในนั้น นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า ที่เราไปร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ได้ทำการสอบสวนสรุปและส่งเรื่องมาที่ กกต. แล้ว แต่ทาง กกต. กลับเงียบมาก.