สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ว่า นายโดมินิก เลอบลองต์ รมว.การคลังแคนาดา ประกาศรายชื่อสินค้ากลุ่มแรกของสหรัฐ ซึ่งจะเผชิญกับมาตรการภาษี 25% ของแคนาดา มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. นี้ จำนวน 1,256 รายการ ซึ่งรวมถึง ผัก ผลไม้ ชา กาแฟ ผลิตภัณฑ์นม เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระดาษชำระ และเครื่องใช้ในครัวเรือนหลายประเภท คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 1.02 ล้านล้านบาท)
ทั้งนี้ สินค้าส่วนใหญ่ในรายชื่อ มีรัฐซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกันเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังแคนาดาชี้แจงว่า “เป็นเรื่องบังเอิญ” แต่หวังว่า อย่างน้อยมาตรการของแคนาดาจะเพิ่มแรงกดดันทางอ้อมให้กับสมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกัน ในการกดดันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่ออีกทอดหนึ่ง
สำหรับมาตรการภาษีรอบสอง ด้วยอัตรา 25% มูลค่าอีก 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 3.58 ล้านล้านบาท) จะมีผลบังคับใช้ในอีก 21 วัน ต่อจากมาตรการรอบแรก และแคนาดาจะประกาศรายชื่อสินค้าอีกครั้ง
Prime Minister Justin Trudeau said Saturday that Canada will impose 25% tariffs against C$155 billion of US goods.
— Bloomberg (@business) February 2, 2025
This comes after the US announced it will put 25% tariffs on Canada and Mexico, as well as a 10% tariff on China https://t.co/DW7GA4W8Ka pic.twitter.com/RwIPrJdCl7
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในรัฐบาลแคนาดาเปิดเผยว่า จะมีการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์กรการค้าโลก (ดับเยิลยูทีโอ) เกี่ยวกับการที่สหรัฐใช้มาตรการกำแพงภาษี ว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงการค้าไตรภาคี สหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (ยูเอสเอ็มซีเอ)
ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด กล่าว่า ต้องการสื่อสารโดยตรงไปยังชาวอเมริกัน ว่ามาตรการของสหรัฐ ในการขึ้นภาษี 25% ต่อสินค้าของแคนาดา และ 10% สำหรับพลังงาน มีแต่จะส่งผลกระทบย้อนกลับไปยังชาวอเมริกันเองมากขึ้นเท่านั้น เพราะค่าครองชีพของประชาชนในสหรัฐจะสูงขึ้น.
เครดิตภาพ : AFP