กรณี นายอัครเดช จันทแสง เจ้าของฉายา “โจ้ มหาเฮง” ลูกศิษย์ก้นกุฏิมือขวา พระครูวัดดังอีสาน ใน จ.ร้อยเอ็ด ได้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เสลภูมิ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ขอให้พนักงานสอบสวนฯ ดำเนินคดีกับ คุณนายผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ อ้างว่าถูกโกงเงินค่าสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหนี้เงินคงค้างกว่า 10 ล้านบาทเศษ โดยมีการนัดเคลียร์หนี้สินในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ขู่เปิดชื่อ? ‘คุณนายผู้ว่าฯ’ โร่นัดเคลียร์ 10 ล้าน ค่าลอตเตอรี่ ‘โจ้ มหาเฮง’ 1 ก.พ.นี้
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดร้อยเอ็ด รายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของ โจ้ มหาเฮง มีการโพสต์ถึง คุณนายผู้ว่าราชการจังหวัด คนดังกล่าว ระบุว่า “ทักกันมาเยอะ โทรมาก็หลายสายเกี่ยวกับประเด็นภรรยาข้าราชการผู้ใหญ่ในจังหวัดหนึ่งของภาคอีสาน เรื่องราวเป็นมายังไงผมเลยจะบอกให้ชัดเจนไปเลยครับว่า เป็นภรรยาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่จังหวัดXXXX ยอดมูลค่าหลักสิบล้านบาท ที่ผมนำเงินไปซื้อลอตเตอรี่ ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 แล้วไม่ได้..ผ่านมาจะเข้า 4 เดือนแล้ว นัดคืนเงินก็ไม่คืน #ไม่โกงแต่ไม่คืน #นัดแล้วเลื่อนนัด ข้ออ้างสารพัด ผลัดมาโดยตลอด

จนถึงวันนี้ผมเลยต้องออกมาเคลื่อนไหวขอความเป็นธรรม ต่อ สาธารณชนให้สังคมช่วยพิจารณา ว่าผมควรต้องทำยังไงต่อ กับคุณนายจังหวัดXXXXท่านนี้ #โควตาลอตเตอรี่ทิพย์ #คุณนายจังหวัดXXXX #คุณนายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จังหวัดXXXX” โดยทันทีที่โพตส์ข้อความดังกล่าวออกไป ทำให้มีประชาชนเข้าไปคอมเมนต์และให้กำลังใจ เสี่ยโจ้ มหาเฮง จำนวนมาก และทำให้รู้ทันทีว่าใครคือคุณนายผู้ว่าราชการจังหวัดอะไร ต่างพากันเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลว่าคุณนายผู้ว่าราชการจังหวัดรายดังกล่าว นัดเข้ามาเคลียร์เงินในวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ยังไร้เงาเจ้าตัวมาเคลียร์เงินแต่อย่างใด มีเพียงส่งทนายความคนหนึ่งให้มาเป็นตัวแทนเจรจา และพยายามซักถามข้อมูลจากผู้เสียหายว่า แจ้งความวันที่เท่าไหร่ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักอะไร จังหวัดไหนและพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีคือใคร ชื่ออะไร รวมทั้งพยายามอ้างเป็นเครือข่ายนักการเมืองระดับประเทศที่เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีรายหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ โจ้ มหาเฮง ยืนยันผ่านผู้ใหญ่ที่นับถือในวงการพระคนหนึ่งว่า ในเมื่อนัดหมายกันไว้แล้ว แต่คุณนายผู้ว่าฯ กลับผิดคำพูด ไม่ยอมนำเงินที่ค้างค่าลอตเตอรี่อีก 10.2 ล้านบาทมาคืนให้ ก็ต้องดำเนินการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และพร้อมจะเดินหน้าทุกอย่าง เพื่อทวงเงินคืน เนื่องจากไม่ใช่เงินของตัวเองคนเดียว เป็นเงินที่ได้จากการระดมทุนในกลุ่มเพื่อนพ้องและคนสนิท แต่ละคนหวังแค่เพียงได้คืนครบตามจำนวนในเร็ววันนี้