เมื่อวันที่ 2 ก.พ. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) เปิดเผยว่า ปภ.ช. ได้รายงานถึงสถานการณ์ฝุ่น เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ พบว่าหลายพื้นที่มีค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวัง โดยภาคเหนือเกินค่ามาตรฐาน 14 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 10.9-59.0 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 34.5-73.0 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 27.5-81.4 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 34.7-72.5 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาคใต้ เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 19.5-43.2 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับ กทม. พบค่าฝุ่นเกินมาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 39.6-71.7 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
นายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ฝุ่นควันในสัปดาห์นี้จะมีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 4 ก.พ.นี้ เนื่องจากมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ศักยภาพในการระบายอากาศต่ำลง จากนั้นจะมีลมจากภาคเหนือและภาคใต้พัดเข้ามาทำให้สถานการณ์จะคลี่คลาย
ขณะที่ดาวเทียมตรวจพบค่าฮอตสปอตในประเทศภูมิภาคอาเซียน อาทิ เมียนมา ลาว กัมพูชาและมาเลเซีย มีจุดฮอตสปอตเพิ่มสูงขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับประเทศไทยที่มีลมนิ่งทำให้เกิดค่าฝุ่นสะสม ทำให้ในวันเดียวกันนี้เวลา 13.00 น. ค่าฝุ่นในหลายประเทศในภูมิภาคบางเมืองตรวจค่าฝุ่นสูงกว่า 190 AQI
นายจิรายุ กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 3 ก.พ. เวลา 10.00 น. ปภ.ช.ได้มีข้อสั่งการไปยังทุกจังหวัดให้จัดกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกท้องถิ่นลงพื้นที่เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชน ร่วมกันไม่เผาเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน ขณะที่ได้มีการกำชับให้ฝ่ายป้องกันและปราบปรามบังคับใช้กฎหมายดำเนินการจับกุมผู้เผาอย่างเคร่งครัด.