เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ที่ จ.เลย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงผลการประชุม คณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติดสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 47 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ N 410 ชั้น 4 อาคารรัฐสภาเรื่องการพิจารณาติดตามความคืบหน้ากรณีคณะกรรมาธิการได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ได้รับความเดือดร้อน กรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินอาคารชุดโครงการ Than Living ถนนประชาอุทิศ กรุงเทพมหานคร ของบริษัท กีธาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัดซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากเจ้าของโครงการอาคารชุดถูกยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีโครงการรับจำนำข้าว
นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ปธ.กมธ.ปปช. กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการในครั้งนั้น เป็นการพิจารณาต่อเนื่องที่คณะกรรมาธิการได้เคยประชุมติดตามเรื่องมาแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 โดยครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาจากทางหน่วยงานราชการให้แก่กลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้เสียหายจากการจะซื้อจะขายห้องชุด และผู้เสียหายที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร
คณะกรรมาธิการได้เชิญผู้แทนจากส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อขอทราบข้อมูลความคืบหน้า โดยการประชุมนี้มีผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ผู้แทนจากกรมธนารักษ์ ผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด รวมถึงผู้แทนนิติบุคคลอาคารชุดโครงการThan Living และผู้เสียหายเข้าร่วมประชุมเบื้องต้นคณะกรรมาธิการได้ทราบข้อมูลสถานการณ์ทั่วไปจากฝ่ายผู้เสียหายและนิติบุคคลว่า ปัจจุบันคอนโดไม่ได้รับการบำรุงดูแลรักษาในพื้นที่ส่วนกลางทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ แสงสว่าง
ในที่จอดรถ รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านการเงิน และ เงินค่าส่วนกลางกำลังจะหมด ขณะนี้เหลือเพียงประมาณสี่หมื่นบาท ไม่สามารถจ่ายค่าสาธารณูปโภคค่าน้ำค่าไฟได้ สาเหตุที่เงินส่วนกลางหมดไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสำนักงาน ปปง. ไม่ได้มีการดำเนินการให้บุคคลภายนอกมาเช่าห้องชุดที่ได้ยึดไว้แล้วเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นที่มาของรายได้อีกช่องทางหนึ่งในการนำเงินจากค่าเช่ามาใช้บริหารจัดการในส่วนกลาง เพราะทรัพย์สินได้โอนมาเป็นของกรมธนารักษ์ปัจจุบันผู้เสียหายที่อาศัยอยู่ในโครงการต้องยอมจ่ายค่าส่วนกลางของปี 2569 แล้ว เพื่อให้มีเงินมาหมุนเวียนจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
“ในส่วนของสำนักงาน ปปง. ให้ข้อมูลว่า คดีในส่วนของผู้เสียหายที่เป็นผู้จะซื้อจะขายและผู้รับเหมาก่อสร้างอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลฎีกา โดยสำนักงาน ปปง.ได้กันเงินไว้ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากผลการยึดและอายัดทรัพย์สินโครงการ มาจ่ายเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ต้องรอผลคำพิพากษาของศาลให้เป็นยุติตามกระบวนการขั้นตอนก่อน ทั้งนี้สำนักงาน ปปง. แจ้งว่าคดีที่นิติบุคคลอาคารชุดโครงการ Than Living ฟ้องสำนักงาน ปปง. เป็นจำเลยที่ ๑ และกรมธนารักษ์เป็นจำเลยที่ ๒ ในคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายประมาณ ๑๔๕ ล้านบาท ศาลได้ยกฟ้องแล้วโดยให้เหตุผลว่าสำนักงาน ปปง. เป็นหน่วยงานราชการที่เข้ามาดูแลโครงการ ไม่ได้เป็นเจ้าของร่วม ประกอบกับคําฟ้องของนิติบุคลฝ่ายโจทก์ ไม่ได้มีการกำหนดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างชัดเจนว่าค่าเสียหายมีรายการอะไรอย่างไร ทั้งนี้ ศาลไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ภายใต้อายุความ ซึ่งตอนนี้อยู่ ระหว่างการอุทธรณ์”
ปธ.กมธ.ปปง. กล่าวต่อว่า ส่วนข้อมูลจากผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งมาชี้แจงในครั้งนี้ เนื่องจากอัยการได้มีการยื่นคําแถลงขอส่งเอกสารเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เพื่อประกอบการพิจารณาของศาลฎีกาเพื่อช่วยเหลือผู้มีส่วนได้เสีย ถ้าหากศาลฎีกาพิจารณาว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามที่ยื่นขอไป ศาลอาจมีคําสั่งหรือคําพิพากษาตัดสินให้ สำนักงาน ปปง. นําเงินที่ขายทอดตลาดได้มาเฉลี่ยทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหายทั้งนี้ ระยะเวลาการพิจารณาของศาล ไม่สามารถไปก้าวล่วงขอให้กำหนดวันเวลาผลการพิจารณาได้จากนั้น ผู้แทนกรมธนารักษ์ ให้ข้อมูลว่าได้มีการประสานงานร่วมกันกับนิติบุคคลอาคารชุดโครงการ Than Living เมื่อต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๘ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอนิติบุคคลจัดทำใบแจ้งหนี้ให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะเงินค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นการคำนวณเรตอัตราตามที่กฎหมายกำหนดไว้ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งกรมธนารักษ์พร้อมที่จะจ่ายให้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการมีข้อสังเกตว่าความล่าช้ามีส่วนมาจากการประสานงานกันระหว่างกรมธนารักษ์กับนิติบุคคลอาคารชุดโครงการ Than Living โดยคณะกรรมาธิการได้มีมติขอให้กรมธนารักษ์ พิจารณาดําเนินการจ่ายเงินค่าส่วนกลางให้แก่นิติบุคคลอาคารชุดโครงการ Than Livingไม่เกินวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้โครงการมีเงินไปบริหารจัดการด้านสาธารณูปโภคต่อไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น