เมื่อวันที่ 1 ก.พ. รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การขาดแคลนบุคลากรทางสาธารณสุข ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงความต้องการการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในสาขาที่เป็นวิชาชีพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาสหเวชศาสตร์ จึงทำให้มีอัตราการแข่งขันในการสอบเข้าศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ สังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีอัตราที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่มหาวิทยาลัยทักษิณ มีความพร้อมในการจัดการศึกษาทางด้านนี้จึงตระหนักในการมีส่วนร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาความขาดแคลนกำลังคนด้านสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
“จากสภาวการณ์ดังกล่าวข้างต้น สภามหาวิทยาลัย ในการประชุมครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 จึงอนุมัติให้มหาวิทยาลัยทักษิณจัดตั้งคณะสหเวชศาสตร์ เพื่อรองรับงานด้านการเรียนการสอน การวิจัย และบริการวิชาการ เพื่อเพิ่มกำลังคนในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้แก่ หลักสูตรกายภาพบำบัด หลักสูตรเทคนิคการแพทย์ หลักสูตรจิตวิทยา และหลักสูตรรังสีเทคนิค เพื่อจะเพิ่มกำลังคนที่เป็นความต้องการของประเทศ โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างความเสมอภาคการขยายโอกาสทางการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพให้กับประชาชน เป็นการสร้างโอกาสการแข่งขันเพิ่มขีดความสามารถของมหาวิทยาลัย ซึ่งคณะสหเวชศาสตร์ จะเริ่มดำเนินการเปิดรับนิสิตในปีการศึกษา 2569 เป็นปีแรก จำนวน 3 หลักสูตร ได้แก่ 1) หลักสูตรกายภาพบำบัด จำนวน 40 คน 2) หลักสูตรเทคนิคการแพทย์ จำนวน 40 คน 3) หลักสูตรจิตวิทยา จำนวน 40 คน และในปีการศึกษา 2573 เปิดรับนิสิตหลักสูตรรังสีเทคนิค จำนวน 40 คน และมีอัตราค่าเล่าเรียนทุกหลักสูตรอยู่ระหว่าง 20,000-27,000 บาท ต่อภาคการศึกษา” รศ.ดร.ณฐพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์การรับนิสิตระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2567 มหาวิทยาลัยทักษิณ พบว่าอัตราการแข่งขันการเข้าศึกษาในหลักสูตรทางวิชาการในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพของมหาวิทยาลัยทักษิณมีค่อนข้างสูง การเพิ่มจำนวนผู้เรียนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพนั้นจึงมีความสำคัญทั้งในแง่มุมของการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเพื่อการพัฒนากำลังด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพอย่างยั่งยืน เพราะเป็นสาขาวิชา/หลักสูตรที่นักเรียนให้ความสนใจและสมัครเข้าศึกษาต่อในด้านนี้กันมากขึ้น ดังรายงานการสำรวจของ Dek-D และ Megastudy (2024) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ความรู้ แนะแนวการศึกษาต่อการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยมมากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย
รศ.ดร.ณฐพงศ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการเข้าศึกษาต่อในด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพนอกจากกลุ่มแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ พยาบาล แล้ว กลุ่มสาขาที่เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ ได้แก่ หลักสูตรกายภาพบำบัด หลักสูตรเทคนิคการแพทย์ หลักสูตรจิตวิทยา และหลักสูตรรังสีเทคนิค ก็ต่างได้รับความนิยมในระดับสูงเช่นเดียวกัน ดังนั้นมหาวิทยาลัยทักษิณ จึงเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข และการจัดบริการด้านสุขภาพ เพื่อสนองตอบความต้องการที่เพียงพอของภายในประเทศ ประกอบกับ ปัจจุบันทั่วโลกมีความต้องการสูงขึ้นในบริการด้านสุขภาพทั้งการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการขับเคลื่อนประเทศเป็น “ศูนย์กลางบริการสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย”