ผลการวิจัยล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 68 บนเว็บไซต์ EurakaAlert ชี้ให้เห็นว่า สุขนิสัยประจำวันบางอย่างเกี่ยวกับการทำความสะอาดช่องปากอย่างการใช้ไหมขัดฟันกำจัดเศษอาหารที่ตกค้างตามซอกฟัน อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองบางประเภทได้

“รายงานด้านสุขภาพระดับโลกล่าสุดระบุว่าโรคในช่องปาก เช่น โรคฟันผุที่ไม่ได้รับการรักษาและโรคเหงือก ส่งผลกระทบต่อผู้คน 3,500 ล้านคนในปี ค.ศ. 2022 ทำให้โรคเหล่านี้กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่แพร่กระจายมากที่สุด” ดร.ซูวิก เซน หัวหน้าคณะนักวิจัยผู้เขียนรายงานฉบับนี้กล่าวถึงที่มา

“เราตั้งเป้าพิจารณาว่าพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากแบบใด เช่น การใช้ไหมขัดฟัน การแปรงฟัน หรือการไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ ที่มีผลกระทบสูงสุดต่อการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง” ดร.เซน ซึ่งเป็นหัวหน้าภาควิชาประสาทวิทยาของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนาด้วย กล่าวเสริม

ทีมวิจัยของดร.เซน พบความเชื่อมโยงว่า การใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองจากการขาดเลือดลง 22%, ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองจากหลอดเลือดหัวใจลดลง 44% และความเสี่ยงของโรคหัวใจเต้นสั่นพลิ้วลดลง 12%

“พฤติกรรมด้านสุขภาพช่องปากมีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบและการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง” ดร.เซนกล่าว “การใช้ไหมขัดฟันอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้โดยลดการติดเชื้อและการอักเสบในช่องปาก และส่งเสริมสุขนิสัยที่ดีอื่นๆ”

“หลายคนแสดงความเห็นว่า การดูแลช่องปากนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง” เขากล่าวต่อ “การใช้ไหมขัดฟันเป็นสุขนิสัยที่ทำได้ง่าย ราคาไม่แพง และใคร ๆ ก็ทำได้”

ในการวิจัยของดร.เซน ผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 6,200 คนตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับกิจวัตรการใช้ไหมขัดฟันของตน ทั้งนี้ได้มีการติดตามผู้เข้าร่วมโครงการเป็นระยะเวลายาวนานถึง 25 ปี และในระหว่างนั้น มีผู้ร่วมโครงการ 434 คนป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และเกือบ 1,300 คนมีภาวะหัวใจเต้นพลิ้ว (เต้นผิดจังหวะ)

ทีมวิจัยของดร.เซน สังเกตว่า อัตราความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองที่ลดลงนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการแปรงฟัน การไปพบทันตแพทย์ตามปกติ และลักษณะนิสัยการดูแลสุขภาพช่องปากอื่นๆ ประจำวัน แต่การใช้ไหมขัดฟันบ่อยขึ้น ทำให้มีโอกาสลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผลงานวิจัยฉบับนี้ ยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญอย่างเป็นทางการ แต่มีกำหนดส่งให้ตรวจสอบในสัปดาห์หน้าและจะมีการนำเสนอรายงานฉบับนี้ในงานประชุมใหญ่โรคหลอดเลือดสมองนานาชาติประจำปี ค.ศ. 2025 ของสมาคมโรคหลอดเลือดสมองอเมริกัน 

ที่มา : nypost.com

เครดิตภาพ : Kamal Hoseinianzade on Unsplash