เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล  นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยอีก 1 คนที่ยังถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัว ว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยกรณีที่ รมว.การต่างประเทศอิสราเอลได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับตน เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายอิสราเอลระบุว่าดีใจที่ผลเกิดขึ้นหลังจากการหารือกันมานานเกือบ 1 เดือน และจากนี้ยังต้องดำเนินการต่อไป ขณะที่ตนได้พูดกับรมว.การต่างประเทศอิสราเอลถึงการหาทางช่วยคนไทยที่เหลืออีก 1 คน รวมถึงอยากนำร่างตัวประกันชาวไทยที่เสียชีวิต 2 ราย กลับประเทศไทยด้วย

นายมาริษ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทั้งหมดที่เรามี และที่ได้คุยกับทุกมิตรประเทศ ยังไม่สามารถยืนยันสถานะของคนไทยที่เหลือ 1 คน แต่ทุกคนยืนยันความตั้งใจช่วยเหลือคนไทยที่เหลือให้ได้ และตนขอย้ำว่ารัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่ต้องนำคนไทยกลับมาให้ได้ จึงขอให้ทุกคนมั่นใจว่าเราไม่หยุดยั้งเรื่องนี้ และตนจะออกเดินทางไปยังอิสราเอลในช่วงเย็นวันนี้ (31 ม.ค.) เพื่อรับคนไทยทั้ง 5 คน

“เมื่อวาน รมว.การต่างประเทศอิสราเอลพูดชื่อคนไทยออกมาชัดเจน คือ นายณัฐพงศ์ ปินตา ซึ่งแสดงว่าเขาให้ความสำคัญ และไม่ได้เพิกเฉยต่อคำร้องขอของเรา นอกจากนี้มีหลายประเทศโทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับผม และได้ชื่นชมความร่วมมือที่เรามีกับทุกมิตรประเทศ ผมจึงขอถือโอกาสนี้ขอบคุณมิตรประเทศทุกประเทศที่ช่วยเหลือเรื่องนี้ ทั้งกาตาร์ อียิปต์ อิหร่าน ตุรกี สหรัฐ และอิสราเอลที่ดูแลช่วยเหลือตัวประกันทั้ง 5 คน” นายมาริษ กล่าว

เมื่อถามว่าขณะนี้มีแรงงานไทยจำนวนมากกลับไปทำงานที่อิสราเอล มีการวางแผน ดูแลและป้องกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ นายมาริษ กล่าวว่า พยายามขอให้คนไทยอย่าเพิ่งเดินทางเข้าไป แต่ถ้าจะเดินทางเข้าไปทำงาน ขออย่าเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ตนคงไปห้ามไม่ได้ จึงต้องพยายามเตือน กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ดูแลคนไทยอยู่แล้ว เรื่องนี้อยู่ในจิตใจของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศทุกคนที่ต้องการดูแลคนไทยให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตนเข้าใจดีในเรื่องของเศรษฐกิจ แต่ถ้าจะเข้าไปแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้หารือไว้กับฝ่ายทหารอิสราเอล เรื่องการเข้าไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย