เมื่อวันที่ 30 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปรางค์กู่ ได้เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐาน ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 1/1 หมู่บ้านทางโค้ง หมู่ที่ 18 ต.หนองเชียงทูน อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบร่างของ นายวัชากร (สงวนนามสกุล) หรือ “ทิดสน” อายุ 45 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือหน้าบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของ นายยิ้ม (สงวนนามสกุล) อายุ 77 ปี และ นางสุบิน (สงวนนามสกุล) อายุ 75 ปี เจ้าของบ้าน โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยที่เกิดเหตุได้ตรวจพบ ขวานที่มีรอยเลือดติดอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ลำคอของ นายสน พบมีร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้ายด้วยของมีคม เป็นแผลยาวประมาณ 5 นิ้ว

จากการสอบสวนชาวบ้านในพื้นที่ให้การยืนยันว่า ที่ผ่านมา ทิดสน ไม่เคยทะเลาะหรือมีเรื่องกับใคร แต่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ได้เขียนป้ายมาติดไว้ที่ตู้เย็นเก่าใช้การไม่ได้แล้วว่า ประกาศขายบ้าน พร้อมที่ดิน 2 ไร่ 2 งาน มูลค่า 2.5 ล้านบาท พร้อมข้อความระบุไว้ว่า “…กูนี้ถูกเขาสรรเสริญแล้วตัวลอยฟุ้งเฟ้อ ไปถูกเขานินทาด่าว่า ก็มาขัดใจโกรธแค้น อยู่เหมือนคนบ้า ได้รับสรรเสริญก็บ้าไปอย่าง ได้รับนินทาก็บ้าไปอย่าง นี่ก็เพราะมันไม่รู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง คือว่าในโลกต้องเป็นเช่นนี้เองพุทธธาตุภิกขุ…”

ด้าน นางสุบิน เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ตกใจตื่นเสียงของชาวบ้านมาพูดคุยกันเสียงดังที่หน้าบ้าน จึงลุกเปิดประตูออกมา พบว่ามีคนมานอนเสียชีวิตที่หน้าบ้าน พบว่าเป็นเพื่อนบ้านอยู่บ้านติดกัน รู้สึกตกใจมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุเกิดตอนกี่โมง ใครมาทำร้ายทิดสน บ้านติดกันแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร เมื่อคืนอากาศหนาว ตนกับสามี เลยเข้านอนแต่หัวค่ำ ทิดสน หรือ นายสน อยู่บ้านคนเดียว แม่ไปอยู่กับสามีใหม่ ที่บ้านโปร่งสามัคคี ต.โคกจาน อ.อุทุมพรพิสัย ซึ่งเคยทะเลาะกันกับนายสน

ขณะที่ นางสุพัตรา หมื่นสอน เล่าว่า ที่มีประกาศขายที่มาติดกับตู้เย็นเก่าหน้าบ้าน นั้น ผู้ตายเขียนเอง นำมาติดประกาศเอง เขียนได้ 2–3 วันแล้ว เมื่อก่อนเป็นที่ของยายผู้ตาย แต่ยายได้ย้ายไปอยู่ที่ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา นายสน จึงได้อยู่คนเดียว ตนก็ไม่ทราบว่าใครทะเลาะกับใคร จึงไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปรางค์กู่ กำลังส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สอบปากคำผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านใกล้ที่เกิดเหตุทุกปาก และพยายามหาว่าบ้านใครมีกล้องวงจรปิดบ้าง ตามส้นทางถนนสายดังกล่าว แต่ยังไม่มีพบว่ามีภาพกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวน เพื่อติดตามคลี่คลายคดีนี้โดยเร็ว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.