เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 68 ที่รัฐสภา นางเทียบจุฑา ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และคณะ แถลงข่าวขอบคุณทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันส่งเสริมผลักดันให้แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทย ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้สำเร็จ ประเทศไทยมีศักยภาพด้านศิลปะวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน รวมทั้งมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับภูมิภาคและระดับโลก ปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก รวม 8 แห่ง เป็นแหล่งมรดกโลกทางทางธรรมชาติ 3 แห่ง มรดกโลกทางวัฒนธรรม 5 แห่ง ซึ่งคณะ กมธ. มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและผลักดันจนเป็นผลสำเร็จ คือเมืองโบราณศรีเทพและโบราณสถานสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง จ.เพชรบูรณ์ ในปี 2566 และภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี จ.อุดรธานี ในปี 2567 และล่าสุดคือวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ) จ.นครศรีธรรมราช
ซึ่งเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติเห็นชอบเอกสารนำเสนอขอประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปยังศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อนำเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
นางเทียบจุฑา กล่าวว่า ในนามของประธานคณะ กมธ. และ สส. ทุกคน ทุกพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ในคณะ กมธ. โดยเฉพาะ นายษฐา ขาวขำ สส.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันผลักดันและติดตามเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานาน ต้องขอขอบคุณไปยังนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ซึ่งได้กำกับดูแลในเรื่องนี้ และขอบคุณรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้ร่วมกันผลักดันให้เอกสารนำเสนอแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม วัดพระมหาธาตุวรวิหารจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
“ขอฝากไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงวัฒนธรรม ว่าสิ่งสำคัญคือภายหลังที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกแล้ว กระทรวงวัฒนธรรมจำเป็นต้องขับเคลื่อนบูรณาการพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนในพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น เพราะจะมีพี่น้องประชาชนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก” ประธาน กมธ.ศาสนาฯ กล่าว.