สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่าบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของนายอีลอน มัสก์ รายงานกำไรไตรมาส 4 ของปี 2567 อยู่ที่ 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 77,648 ล้านบาท) ลดลง 71% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งกำไรเพิ่มขึ้นเพียงครั้งเดียวจากผลประโยชน์ทางภาษี

ขณะเดียวกัน รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 2% อยู่ที่ 25,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 867,452 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังยอดขายรถยนต์ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ลดลง 1% เหลือเพียงเกือบ 1.8 ล้านคัน

ทั้งนี้ เทสลาต้องเผชิญกับการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่สูสีมากขึ้น รวมถึงในจีนและสหรัฐ หลัง “เจเนอรัล มอเตอร์ส” หรือ “จีเอ็ม” และ “ฟอร์ด” เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เพิ่มอีก

นอกจากนี้ ปัจจัยอีกประการหนึ่งคือ ปริมาณการผลิตของรถกระบะ “ไซเบอร์ทรัค” ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม เทสลาประเมินสถานการณ์ ว่าการผลิตจะกลับมาเติบโตในปีนี้

“ด้วยความก้าวหน้าของรถยนต์ไร้คนขับ และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เราคาดว่า ธุรกิจรถยนต์จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2568” พร้อมทั้งอธิบายว่า อัตราการเติบโตจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงความพยายามด้านรถยนต์ไร้คนขับ การเพิ่มการผลิตในโรงงาน และสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคโดยรวม

สำหรับปีนี้ เทสลายืนยันแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ราคาไม่แพง และกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับรุ่นใหม่ในสหรัฐด้วย

อนึ่ง ในรายงานการคาดการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับการผลิตของเทสลา เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา มัสก์กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 20-30% ในปี 2568.

เครดิตภาพ : AFP