สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่า นายโรเบิร์ต เอฟ.เคนเนดี จูเนียร์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุขของสหรัฐ เข้าพบคณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภา เพื่อพิจารณาคุณสมบัติ
WATCH: Robert F. Kennedy, Jr. complete opening statement at Senate Finance Committee confirmation hearing. pic.twitter.com/FE0svVjixs
— CSPAN (@cspan) January 29, 2025
ทั้งนี้ เคนเนดียืนยันว่า ไม่ใช่ผู้ที่ต่อต้านวัคซีน แต่สนับสนุน และพยายามผลักดันให้มีการศึกษาอย่างละเอียดและจริงจัง เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ก่อนแจกจ่ายให้แก่ประชาชนอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ไม่เคยต่อต้านโครงการบังคับฉีดวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็ก
Robert F. Kennedy, Jr. "I support the measles vaccine. I support the polio vaccine. I will do nothing as HHS secretary that makes it difficult or discourages people from taking either of those vaccines."
— CSPAN (@cspan) January 29, 2025
Sen. @RonWyden: "Anybody who believes that ought to look at the measles… pic.twitter.com/NqMxcr1ep0
แม้คณะกรรมาธิการเดินหน้ายก “ร่องรอยดิจิทัล” ที่เคนเนดีกล่าวหลายครั้ง รวมถึงการเคยให้ความเห็นว่า “ไม่มีวัคซีนตัวใดบนโลกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” แต่เคนเนดีโต้แย้งว่า “เป็นการตีความคลาดเคลื่อน”
ขณะเดียวกัน เคนเนดียืนยันจุดยืน ไม่สนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปทุกประเภท เนื่องจากเป็นต้นเหตุของโรคร้ายกับเด็ก โดยเฉพาะโรคอ้วนและโรคเบาหวาน แต่ยืนยันว่า ชาวอเมริกันทุกคนมีสิทธิเลือก นอกจากนี้ เคนเนดีให้คำมั่น การเดินหน้าตรวจสอบและควบคุม การใช้สารเคมีในอาหาร และแก้ไขผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างอำนาจรัฐกับอุตสาหกรรมอาหาร
Robert F. Kennedy, Jr.: "I agree with President Trump that every abortion is a tragedy." pic.twitter.com/OPrRNEq1FP
— CSPAN (@cspan) January 29, 2025
เกี่ยวกับจุดยืนเรื่องการทำแท้ง เคนเนดีกล่าวว่า “การทำแท้งทุกกรณีถือเป็นเรื่องเศร้า” แต่การสร้างกรอบความคิดให้กับบุคลากรการแพทย์ว่า “การทำแท้งคือฆาตกรรม” นั้น “ไม่สมเหตุสมผล” เช่นกัน และการเข้าถึงการทำแท้ง “ควรเป็นเรื่องของแต่ละรัฐ”
อนึ่ง หากได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา เคนเนดีซึ่งเป็นหนึ่งในทายาทสายตรงของตระกูลเคนเนดี และตอนนี้เป็นนักกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม จะบริหารกระทรวงซึ่งมีบุคลากรราว 80,000 คน และได้รับงบประมาณจากส่วนกลาง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 57.32 ล้านล้านบาท).
เครดิตภาพ : AFP