สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ว่า นายออลจัส เบคเตนอฟ นายกรัฐมนตรีคาซัคสถาน ประกาศว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน จะเริ่มต้นเป็นครั้งแรกในปีนี้

ขณะที่ประธานาธิบดีคาสซิม โจมาร์ต-โทคาเยฟ อธิบายว่า คาซัคสถานจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำมันที่มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยี รวมถึงแหล่งน้ำมันสำรองชั้นหินดินดานจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม การสกัดน้ำมันจากชั้นหินดังกล่าวนั้น มีความซับซ้อน และหลายประเทศมีกฎหมายห้าม อาทิ ฝรั่งเศส เนื่องจากกระบวนการขุดเจาะน้ำมันด้วยการฉีดน้ำ ทราย และสารเคมีด้วยแรงอัดกำลังสูงเข้าไปที่ชั้นหินลึก (fracking) หรือการขุดเจาะเพื่อสกัดน้ำมันและก๊าซจากชั้นหินดินดาน อาจเป็นอัตรายต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน

โทคาเยฟระบุถึงความจำเป็นของการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศ ยัง “เติบโตไม่เพียงพอ” โดยเมื่อปีที่แล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวเพียง 4.8% ขณะที่เงิน “เท็งเก” ซึ่งเป็นสกุลเงินท้องถิ่น กำลังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ผู้นำคาซัคสถานเรียกร้องให้มีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้นในภาคส่วนพลังงานและโลหะหายาก รวมถึงการเขียนข้อตกลงแบ่งปันผลผลิตที่มีอยู่ใหม่ โดยมีเงื่อนไขที่ “เอื้ออำนวย” ต่อรัฐบาลอัสตานามากขึ้น

นอกจากนี้ รัฐบาลคาซัคสถานยกย่อง การลงทุนของธุรกิจพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศตะวันตก อาทิ “โททาล เอนเนอร์ยีส์”, “เอนี” “เอ็กซอนโมบิล” และ “เชลล์” ว่าเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ.

เครดิตภาพ : AFP