เมื่อวันที่ 29 ม.ค. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)  ที่มี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้รายงานเรื่องที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอ (The Digital Skill/Credit  Portfolio: Empowering Educations) วงเงินงบประมาณ 4,214,738,090 บาท และโครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา งบประมาณ ระยะที่ 2 เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2569-2574  จำนวน 29,765,253,600  บาท ของ ศธ. ซึ่งเป็นการอนุมัติงบประมาณต่อเนื่อง และงบประมาณผูกพันสำหรับการแจกอุปกรณ์เสริมการสอนของนักเรียนและครูไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต แล็ปท็อป โน้ตบุ๊ก หรือโครมบุ๊ก ในรูปแบบเช่าใช้งานพร้อมสัญญาณอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง โดยในปี 2568 ได้ขอจัดสรรเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่นักเรียน จำนวน 600,000 กว่าคน ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ในกลุ่มโรงเรียนคุณภาพชุมชนและโรงเรียนขยายโอกาส ส่วนในปี 2569 ได้ขอจัดสรรงบประมาณไปจำนวน 2.9 หมื่นล้านบาท สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่เหลือทั้งหมด ประมาณ 1.2 ล้านคน

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า  สำหรับการดำเนินการจัดซื้ออุปกรณ์เสริมการสอนของนักเรียนและครูนั้นได้วางขั้นตอนการดำเนินโครงการในปีงบปีงบประมาณ 2568 เริ่มตั้งแต่การจัดทำคอนเทนต์เนื้อหากลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาหลัก และการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Biding)  ซึ่งในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างนั้น กรมบัญชีกลางยังมีเงื่อนไขบางประเด็นที่อยากให้ศธ.ปรับแก้ เช่น การกำหนดสเปกคุณสมบัติของผู้ว่าจ้าง เป็นต้น โดยประเด็นนี้ ศธ.เข้าใจการดำเนินการของกรมบัญชีกลางว่าอาจมีความกังวลในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ในมุมของเราเองมองว่าหากจะมีการแจกอุปกรณ์เสริมการสอนให้แก่นักเรียนไว้ใช้งานจะต้องทำให้คุ้มค่า และตัวเครื่องต้องมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่มีคุณสมบัติการใช้งานครบ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ ศธ.จึงให้ความสำคัญกับมาตรฐานและคุณสมบัติของการใช้งานมากกว่า ดังนั้นหากกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ว่าจ้างต่ำไปก็อาจทำให้เราไม่ได้เครื่องที่มีมาตรฐาน

“ศธ.พยายามดำเนินการขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างให้สรุปผลโดยเร็วที่สุด เพราะระยะเวลาการแจกอุปกรณ์เสริมการสอนที่เราวางไว้ในเฟสแรกจะแจกให้แก่นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย 600,000 เครื่องกลุ่มโรงเรียนคุณภาพชุมชน ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 1 เดือน พ.ค.นี้ แต่หากดำเนินการไม่ทันก็จะเริ่มภาคเรียนที่ 2 ซึ่งในส่วนของอาชีวศึกษาจะได้รับการแจกอุปกรณ์เสริมการสอนด้วยเช่นกันในระดับปวช.1-3” นายสุรศักดิ์ กล่าว